25 April 2024


“ดุสิตปริ๊นเซสโคราช”ทุ่มปรับโฉมห้องพักใหม่ รับแข่งเดือดยักษ์“เซ็นทรัล-เทอร์มินอล21”บุก

Post on: Aug 3, 2015
เปิดอ่าน: 813 ครั้ง

 

01

“ดุสิตปริ๊นเซสโคราช” ดิ้นทุ่มกว่า 30 ล้านเร่งปรับโฉมห้องพักใหม่หมดพร้อมระบบภายในโรงแรมรับมือแข่งเดือดยักษ์เซ็นทรัล-เทอร์มินอล 21บุกปักฐานเมืองย่าโม ชี้เปิดมานานกว่า 20 ปีถึงเวลารีโนเวต ชี้ 2 ปีข้างธุรกิจโรงแรมโคราชแข่งเดือด กลุ่มเซ็นทรัลและเทอมินัล 21 เพิ่มอีก 500 ห้องพัก ขณะโรงแรมเล็ก-รีสอร์ทผุดอื้อแย่งเค้กกันนัว เผยดุสิตเน้นขายแบรนด์ชูบริการมาตรฐานสู้

นายประสาน ไทยแท้ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมดุสิตปริ๊นเซสโคราช และ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เปิดเผยว่า โรงแรมดุสิตปริ๊นเซสโคราช เปิดดำเนินการมานานร่วม 22 ปี เป็นอาคารขนาด 9 ชั้น มีห้องพักทั้งหมด 186 ห้อง ห้องประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ 1 ห้อง จุได้ 500-600 คน ห้องประชุมขนาดกลางและเล็กอีกจำนวน 6 ห้อง ทั้งนี้ในปี 2558 นี้ทางโรงแรมมุ่งเน้นการรีโนเวตห้องพักใหม่ทั้งหมด โดยได้เริ่มทยอยดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ใช้งบประมาณดำเนินการกว่า 20 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดทุกห้องภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งห้องพักใหม่ที่ทำการปรับปรุงครั้งนี้ จะเป็นสไตล์โมเดิร์น สุขภัณฑ์ทุกอย่างในห้องพักถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด

นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบความปลอดภัย ติดตั้งกล้องวงจรปิดรอบบริเวณโรงแรมมากกว่า 100 ตัว และอุปกรณ์อื่น ๆที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยให้ลูกค้า ซึ่งดุสิตปริ๊นเซส เน้นให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมากและต้องได้มาตรฐานสากล

อีกทั้งในปี 2559 ดุสิตปริ๊นเซสโคราช ยังมีแผนปรับปรุงภายในโรงแรมเพิ่มเติมทั้งระบบปรับอากาศ เพราะขณะนี้สภาพอากาศจ.นครราชสีมาร้อนขึ้นมาก ฉะนั้นระบบแอร์ในห้องประชุมต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนใหม่ รวมถึงการเปลี่ยนกระจกโรงแรมเป็นแบบ 2 ชั้นและเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงต่างๆ  รวมถึงลิฟท์ต้องเปลี่ยนตัวใหม่เพราะใช้มานานร่วม 10 ปี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนส่วนนี้อีกมากกว่า 10 ล้านบาท

นายประสาน  กล่าวอีกว่า ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.58) ของดุสิตปริ๊นเซสโคราชนั้นต้องยอมรับว่าสภาวะเศรษฐกิจของไทยไม่ดี และค่อนข้างแย่กว่าปีที่ผ่านมาจึงส่งผลให้ผลประกอบการลดลงไปด้วยโดยลดลงประมาณร้อยละ 15-20 เนื่องจากอัตราเข้าพักน้อยโดยปีที่ผ่านมาดุสิตปริ๊นเซสโคราชมีรายได้ 125 ล้านบาท และเป้าหมายปีนี้ตั้งไว้ 135 ล้านบาท แต่ผ่านไปครึ่งปีมีตัวเลขผลประกอบการแค่ประมาณ 60 ล้านบาทเท่านั้น ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

โดยรายได้หลักของโรงแรมดุสิตมากจาห้องพัก ในปีนี้มีอัตราการเข้าพักน้อยมาก เช่นเดียวกับกลุ่มประชุมสัมมนาก็ลดลงเช่นกัน ปัจจัยส่วนหนึ่งน่ามาจากการในช่วงต้นปีภาครัฐมีการงดจัดประชุมสัมมนาทำให้ห้องสัมมนาและห้องพักที่ถูกจองไว้ถูกยกเลิกทั้งหมด ซึ่งในพื้นที่ภาคอีสานโรงแรมอื่น ๆ ได้รับผลกระทบเช่นกัน

สำหรับการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมในจ.นครราชสีมานั้น นายประสาน กล่าวว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้านี้คาดว่าจะมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง หลังจากทางกลุ่มเซ็นทรัล พลาซ่าและเทอร์มินอล 21 ประกาศมาลงทุนปักฐานที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งทั้ง 2 ห้างยักษ์ใหญ่นี้จะมีการก่อสร้างโรงแรมห้องพักกระดับ 5 ดาวด้วย ซึ่งเป็นระดับเดียวกันและกลุ่มลูกค้ากลุ่มเดียวกันกับดุสิตปริ๊นเซส คาดว่าทั้ง 2 แห่งนี้ จะมีห้องรวมไม่น้อยกว่า 500 ห้อง

ฉะนั้นในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ การแข่งขันจึงถือว่าค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากทั้ง 2 แห่งมีสิ่งดึงดูดลูกค้าที่ได้เปรียบคู่แข่ง ประกอบกับเป็นห้องพักใหม่ด้วย

นอกจากนี้ยังมีโรงแรมขนาดเล็กเกิดขึ้นอีกจำนวนหลายแห่ง ขณะที่อพาร์ทเม้นท์ก็มีมากขึ้น รวมถึงโรงแรมสไตล์บูติค โรงแรมกึ่งรีสอร์ท ก็ผุดขึ้นมาอีกมาก หากสภาพเศรษฐกิจไม่ขยายตัวตาม เค้กตลาดที่มีอยู่ก้อนเล็กๆ ก็จะมีการแย่งชิงกันมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง สถานการณ์ดังกล่าวถือเป็นผลดีกับลูกค้า แต่ในส่วนของผู้ประกอบการต้องมาห้ำหั่นกันพอสมควรโดยเฉพาะเรื่องราคาและต่างก็ได้รับผลกระทบแน่นอน

02

นายประสาน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามในส่วนของดุสิตปริ๊นเซสโคราช ได้เตรียมการรับมือสำหรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นดังกล่าว โดยมุ่งเน้นการบริการที่ได้มาตรฐาน ความสะอาด ความเป็นรีมิกส์ โฮเทล ในพื้นที่นี้ พยามยามดึงตรงนี้ไว้ในเรื่องการบริการเรื่องพื้นที่ทั้งหมดในตัวโรงแรม ให้มีรูปแบบเอ็กคูซีฟมากกว่าที่อื่น นั่นคือสิ่งที่เราจะทำให้มีความแตกต่างกว่าที่อื่น ๆ โดยเน้นไปที่ความเป็นส่วนตัว ที่สำคัญเราไม่มีนโยบายในการดั๊มราคาต่อสู้กับใค แม้จะขายในราคาที่สูงก็ตามแต่นั่นคือมาตรฐานของดุสิตแบรนด์และยังเน้นขายแบรดน์เหมือนเดิม ส่วนการลงทุนครั้งใหญ่เพิ่มเติมนั้นจะดูอีกครั้งในอนาคต

สำหรับการแข่งขันในช่วง 6 เดือนหลังปีนี้คาดว่าแต่ละแห่งคงต้องรัดเข้มขัดพยายามประคับประคองกิจการให้เดินหน้าต่อไป โรงแรมบางแห่งอาจมีการลดราคาห้องพักเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด แต่ดุสิตจะไม่พยายามทำเช่นนั้นเด็ดขาด ยกเว้นกรณีที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการหลาย ๆ อย่างพร้อมกันอาจมีสิทธิพิเศษให้บ้าง

ฉะนั้นในช่วงครึ่งปีจากนี้คาดว่าสภาพคงไม่แตกต่างจากครึ่งปีแรกเพราะยังไม่มีปัจจัยบวกที่จะมาทำให้ธุรกิจโรงแรมมีความหวือหวา โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานไม่ค่อยมีแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาบ่อย

ขณะที่นโยบายของรัฐบาลเองยังไม่ชัดเจนโดยเฉพาะโครงการลงทุนระดับ เมกกะโปรเจกต์เป็นเพียงกระแสที่พูดคุยกันยังไม่เป็นรูปธรรม ตอนนี้คงต้องช่วยกันภาวนาขอให้ดีขึ้น เพราะยังมองไม่ออกว่าความเปลี่ยนแปลงทางภาวะเศรษฐกิจจะเป็นไปในรูปแบบไหน เนื่องจากสถานการณ์การเมืองก็ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่

“ อยากฝากไปยังรัฐบาลให้เข้ามาควบคุมการประกอบกิจการโรงแรม หรือคุมกำเนิดให้มีสัดส่วนที่เหมาะสม และควรส่งเสริมโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้อง เนื่องจากบางแห่งแอบแฝงให้บริการในรูปแบบของอพาร์ทเม้นท์หรือ ห้องพักรายวัน เป็นต้น นอกจากนี้รัฐควรส่งเสริมให้มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเชิงวัฒนธรรม ธรรมชาติ สวนสนุก แหล่งบันเทิงขนาดใหญ่ ในระดับที่สามารถเป็นแม่เหล็กดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาพื้นที่อีสานได้เพิ่มมากขึ้น” นายประสาน กล่าวในตอนท้าย