by

ผู้การฯ โคราชน้อยใจข่าวรับเงินสนบนคลาดเคลื่อน  ยันไม่มีการให้เงินหรือเรียกร้องรับเงิน ขอให้เรื่องเงียบ เผยทำหน้าที่ตัวเองแล้ว ด้าน รอง ผบช.ภ.3 ตั้งชุดสืบสวนลงสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย พร้อมรักษาภาพลักษณ์ตำรวจ       สำหรับความคืบหน้าคดีที่ นางสาวอัชฌา นาคธรณินทร์ อายุ 39 ปี พนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางเขน กรุงเทพฯ ให้ดำเนินคดีต่อ พล.ต.ต.สุภากร คำสิงห์นอก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ( ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา และ พ.ต.ต.วิชานนท์   บ่อพิมาย  สารวัตรสืบสวน กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ในข้อหาเรียกรับสินบนเกิน 3,000 บาท ตามประกาศของ ป.ป.ช. เรื่องหลักเกณฑ์การรับเงินรางวัล โดยอ้างว่าถูกเรียกรับเงินค่าทำคดีเป็นเงินจำนวน 500,000 บาท และโดยได้จ่ายเงินไปให้ครบถ้วนแล้ว เมื่อวันที่  23 ก.ค. นั้น

ล่าสุด  วันนี้ (26 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานพล.ต.ต.สุภากร คำสิงห์นอก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ( ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา  เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่เป็นข่าวดังกล่าวขึ้นมาตนรู้สึกไม่สบายใจต่อการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน บางอย่างไม่ได้พูดแต่นักข่าวก็นำไปเขียนทำให้เรื่องไปกันใหญ่  จนถึงขณะนี้ตนยังยืนยันไม่ว่ามีการเรียกรับเงินค่าทำคดีดังกล่าว และไม่มีการเสนอเงินรางวัลในการทำคดีจากใคร และคดีฉ้อโกงที่เกิดขึ้นที่ จ.นครราชสีมานั้นก็จบแล้วในชั้นพนักงานสอบสวน โดยได้สรุปสำนวนคดีส่งอัยการ พิจารณาสั่งฟ้องต่อไป โดยมีผู้ต้องหาเพียง 1 คน คือ นางศิริประภา  เพียงคนเดียว

วันนี้ตนไม่อยากจะพูดอะไรไปมาก เพราะได้ทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว คือ รายงานข้อเท็จจริงให้กับผู้บังคับบัญชาทราบทั้งหมด  ตอนนี้ขอทำงานตามหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนที่บอกว่ามีภาพการให้เงินสินบนแก่ตำรวจที่ปรากฎตามสื่อนั้น ตนยังไม่เห็น และไม่ทราบเนื่องจากไม่มีการรับเงินดังกล่าวเกิดขึ้นแต่อย่างใด

ด้าน พล.ต.ต.ลือชัย  สุดยอด รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ให้เป็นหัวหน้าชุดตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ซึ่งได้มีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจไปแล้วเมื่อวานนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาข้อมูล และเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งที่ปรากฎอยู่ในภาพ หรือไม่อยู่ในภาพมาทำการสอบสวน ได้ให้ได้ข้อมูลมากขึ้นที่สุด เพราะขณะนี้ตนทราบเพียงข้อมูลที่ปรากฎตามสื่อเช่นกัน จึงยังไม่สามารถบอกอะไรได้ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝายทุกอย่างว่าไปตามหลักฐานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น คาดว่า 1 สัปดาห์น่าจะมีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการสอบสวนตนจะสรุปรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป  ซึ่งเราต้องรักษาภาพลักษณ์ที่ดีขอตำรวจ และเน้นการดูแลประชาชนเป็นหลัก

พล.ต.ต.ลือชัย  กล่าวว่า  ขณะนี้ตำรวจภูธรภาค 3 มีโครงการยกระดับสถานีตำรวจ ตามนโยบายของ ผบ.ตร.โดยเน้นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ใกล้ชิดประชาชน เป็นมิตรและที่พึ่งของประชาชนทำให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจตำรวจ โดยขณะนี้มีการออกตรวจประเมินอยู่เรื่อย ๆ  วันนี้ตำรวจเราใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น โดยในแต่ละวันท่านผู้บังคับบัญชาจะลงไปตรวจด้วยตัวเอง