by

ฝนไม่มา ! 5 เขื่อนใหญ่โคราชยังวิกฤติน้ำเหลือน้อย แม้เข้าสู่ฤดูฝนมาหลายเดือนแล้วก็ตาม ล่าสุด ขอ ก.เกษตรเร่งทำฝนหลวง ในพื้นที่เหนือเขื่อนก่อนเดือดร้อนหนัก ผู้ว่าเรียกประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องด่วนหาแนวทางแก้ไข  ขณะที่ทุกเขื่อนบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์มากสุดขอประชาชนช่วยประหยัด วอนชาวนาเลื่อนการเพาะปลูกออกไปก่อน 

วันนี้ (24 ส.ค.) นายชิตชนก  สมประเสริฐ  ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ กลางและเล็กของจังหวัดนครราชสีมาเหลือน้อยมาก เนื่องจากฝนไม่ตกในพื้นที่เหนือเขื่อนแม้จะเข้าสู่ฤดูฝนมาหลายเดือนแล้วก็ตาม แต่ไม่มีน้ำเติมให้เขื่อนเลย  โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่มีปริมาณน้ำเหลือไม่ถึง 20 % ของความจุ ล่าสุดนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมแผนรับมือหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ได้มีมาตรการออกมา 2 ส่วนเพื่อบริหารจัดการน้ำให้ได้ประโยชน์มากที่สุด โดยมาตรการแรกคือ น้ำฝนที่ตกท้ายเขื่อนและมีเก็บไว้ตามฝายทดน้ำต่างๆ จะส่งให้คลองประปาเป็นหลัก เพื่อนำไปใช้ในการผลิตประปาและ มาตรการที่ 2 ให้เกษตรกรทำตามข้อตกลงของ JMC คือหากในเดือน ส.ค.ปริมาณน้ำในเขื่อนมีไม่ถึง 100 ล้าน ลบ.ม. เกษตรกรต้องเลื่อนการเพาะปลูกนาปีออกไปก่อน เพราะทางเขื่อนจะไม่มีการส่งน้ำให้ ส่วนการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนโดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ยังคงส่งน้ำให้เพื่อการประปาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประปาเทศบาลเมืองนครราชสีมารวมกว่า 100 แห่ง วันละ 4-5 คิว/วินาที หรือวันละ 4.3 แสน ลบ.ม./วัน ตามเดิม

นายชิตชนก  กล่าวว่า จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า จะมีฝนตกในพื้นที่ของ จ.นครราชสีมาเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.-30 ต.ค. 2559 ประมาณ 70-80% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกระแสลมด้วย ซึ่งถ้าฝนตกลงมาตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาให้ข้อมูลจะทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างจากอิทธิพลของพายุ 2 ลูกประมาณ 200-250 ล้าน ลบ.ม. ซึงเขื่อนลำตะคองสามารถรับน้ำได้ 370 ล้านลบ.ม.จึงจะเต็มอ่าง ฉะนั้นแม้จะมีฝนตกลงมาก็ยังไม่เต็มความจุของอ่างฯ แน่นอน จึงต้องมีการบริหารจัดการน้ำให้เป็นระบบเพื่อมีน้ำใช้ในปีถัดไปเพื่อรอฝนใหม่

นอกจากนี้ทาง จังหวัดได้ร้องขอให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงของกระทรวงเกษตรเร่งทำฝนหลวงในพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา โดยได้รับการตอบรับจากหน่วยฝนหลวงว่าจะย้ายฝูงบินเข้ามาเสริมอีก 1 ชุดตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้ เพื่อให้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามยืนยันว่า น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนไม่ขาดแคลนแน่นอนแต่ขอให้ทุกหน่วยงานและทุกคนช่วยกันประหยัดเพื่อจะได้มีน้ำใช้ไปถึงฤดูต่อไป แม้จะมีน้ำน้อยแต่ทุกเขื่อนพยายามงัดทุกมาตรการมาบริหารจัดการให้น้ำที่มีอยู่น้อยเกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด ขณะเดียวกันทางเขื่อนลำแชะยังคงส่งน้ำให้การประปาเทศบาลนครนครราชสีมาตามปกติ ไม่ได้งดแต่อย่างใด นายชิตชนก กล่าว

ด้านโครงการชลประทานจังหวัดนครราชสีมา รายงานสถานการณ์และปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางของจังหวัดนครราชสีมา ล่าสุดจนถึงขณะนี้เขื่อนใหญ่ 5 เขื่อน ปริมาณน้ำกักเก็บเหลือน้อยมากแค่ 181.44 ล้าน ลบ.ม.จากปริมาณกักเก็บ 938.49 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 18.45 โดยมีปริมาณน้ำใช้การได้เฉลี่ยอยู่ที่ 134.7ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 14.38  ของความจุ ประกอบด้วย

อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ.สีคิ้ว เป็นแหล่งน้ำหลักในการส่งน้ำหล่อเลี่ยงประปาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเทศบาลนครนครราชสีมารวมกว่า 100 แห่ง มีปริมาณน้ำที่ใช้การได้รวม 30.97  ล้าน ลบ.ม.  คิดเป็น 10.62  % ของความจุกักเก็บ 314 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งใกล้จุดวิกฤติน้ำก้นอ่างฯ  อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัยปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 15.43 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ  10 ของความจุที่ระดับกักเก็บ 155 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำลำแชะ อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 38.83  ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 14.49 ของความจุที่ระดับกักเก็บ 275 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่ส่งให้เทศบาลนครนครราชสีมาผลิตประปา ขณะนี้น้ำเหลือน้อยมากจนตกไม้โผล่ให้เห็นอย่างชัดเจน  อ่างเก็บน้ำมูลบน อ.ครบุรี มีปริมาณน้ำใช้การได้ 22.28  ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 16.63 ของความจุกักเก็บทั้งหมด 141 ล้าน ลบ.ม. และอ่างเก็บน้ำลำปลายมาศ อ.เสิงสาง มีปริมาณน้ำใช้การได้อยู่ที่ 27.16 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 30.63  % จากความจุกักเก็บทั้งหมด 98 ล้าน ลบ.ม.

สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดกลางจำนวน 22 โครงการ  มีปริมาณน้ำคงเหลือ 82.86 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 36.19 จากความจุรวม 228.96 ล้าน ลบ.ม.  โดยอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง อ.โนนไทย และ อ่างเก็บน้ำหนองกก อ.พระทองคำ  รวมถึงอ่างบึงกระโตน อ.ประทาย และอ่างเก็บน้ำห้วยบ้านยาง อ.เมืองนครราชสีมา  แห้งขอดไม่สามารถวัดระดับน้ำได้