24 April 2024


ไม่จบง่าย!โคราชจ่อสรุปผลสอบโครงการขุดลอก อบจ.กว่า 340 ล.ฉาว ส่ง ป.ป.ช.ฟันเอาผิด (ชมคลิป)

Post on: Sep 13, 2016
เปิดอ่าน: 1,013 ครั้ง

โคราชจ่อสรุปผลสอบโครงการขุดลอก อบจ.กว่า 346 ล.ฉาวส่ง ป.ป.ช.ฟันเอาผิด หลังแจ้งความกราวรูดผู้เกี่ยวข้องทั้ง จนท.รัฐและเอกชนงาบเงินไปแล้วกว่า 5.5 ล้าน แต่ไม่ทำงานจริง สอบอีก 22 โครงการ ที่เบิกเงินเข้าข่ายเดียวกันหรือไม่ ขณะที่ สตง. เดินหน้าสอบอีกกว่า 100 โครงการแปลงงบปกติไปหั่นย่อยเหลือโครงการละ 5 แสนเลี่ยงจัดซื้อจัดจ้างทับซ้อนงาน อบต.หรือไม่ก่อนฟันเอาผิดอีก ชี้ทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐานสาวถึงใครต้องรับผิดด้วย  ยันจังหวัดไม่นิ่งนอนใจ

ระงับโครงการขุดลอก ทำถนน อบจโคราช-web3

วันนี้( 13 ก.ย. ) นายวิเชียร จันทรโณทัย  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่สำนักตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จังหวัดนครราชสีมา ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา ดำเนินโครงการขุดลอกคลอง และถนน จำนวนรวม 683 โครงการๆ ละ 500,000 บาท เท่ากันหมด วงเงินรวม 346,076,680 บาท ซึ่งแบ่งที่มางบประมาณออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. เงินสะสม สำหรับทำโครงการขุดลอกคลอง จำนวน 240 โครงการ วงเงิน 120 ล้านบาท และ 2. การอนุมัติเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559 โดยโอนลดงบประมาณ จำนวน 180 โครงการ งบประมาณ 226,076,680 บาท เพื่อโอนเพิ่มสำหรับทำโครงการขุดลอกคลองและถนน จำนวน 443 โครงการ งบประมาณ 226,076,680 บาท โดย สตง.เห็นว่าการดำเนินงานโครงการทั้ง 2 ส่วน มีการตั้งราคางานโครงการไว้ 5 แสนบาท เท่ากันทุกโครงการทั้ง 683 โครงการนั้น เป็นการหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว  ต่อมาตนได้มีคำสั่งให้ระงับโครงการในที่สุดพร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้นว่า

ยันยันว่าทันทีที่ทราบเรื่องดังกล่าว ทางจังหวัดนครราชสีมาไม่ได้นิ่งนอนใจและเดินหน้าตรวจสอบมาอย่างต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้นายเมธา รุ่งฤทัยวัฒน์ ท้องถิ่นจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการขุดลอกและทำถนนของ อบจ.นครราชสีมา ร่วมกับ สตง. และ ป.ป.ช.จังหวัด โดยจากการตรวจสอบฎีกากว่า 240 โครงการพบว่า มี 33 โครงการที่มีการเบิกจ่ายเงินไปแล้วรวมเป็นเงิน 16.5 ล้านบาท  และมี 11 โครงการ โครงการละ 5 แสนบาท รวม 5,500,000 บาท ที่เบิกจ่ายเงินไปโดยไม่มีการทำงานจริง  คณะทำงานได้เรียกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในแต่ละพื้นที่มาบันทึกถ้อยคำ ภาพถ่าย ต่าง ๆ เพื่อเป็นหลักฐานในการเอาผิดซึ่ง 11 โครงการนั้นขณะนี้  ร.ต.หญิงระนองรักษ์  สุวรรณฉวี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีอาญา ในข้อหาทุจริตกับเจ้าหน้าที่ของ อบจ.นครราชสีมาทุกคนที่เกี่ยวข้องไปแล้ว  และตั้งกรรมการสอบเอาผิดทางวินัย พร้อมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับเหมาหรือผู้รับจ้างที่ร่วมในการเบิกจ่ายด้วย

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าโคราช1

สำหรับส่วนที่สองเป็นการตรวจสอบโครงการที่เบิกจ่ายเงินไปแล้ว ซึ่งเหลืออีก 22 โครงการนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะทำงาน กำลังลงพื้นที่ตรวจสอบหาร่องรอยการทำงาน ทุกโครงการ โดยต้องนำช่างผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบและวัดเนื้องานในพื้นที่จริง ว่า ทำงานจริงหรือไม่ และเป็นไปตามแบบที่กำหนดให้หรือไม่  ซ้ำซ้อนหรือไม่ เป็นต้น  คาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะแล้วเสร็จ

ส่วนที่สามนอกเหนือจาก 33 โครงการที่เบิกจ่ายไปแล้ว เป็นเรื่องของการใช้อำนาจในการโอนงบประมาณปกติมาตั้งเป็นโครงการใหม่  และซอยย่อยโครงการใหม่นี้ให้มีเงินจัดซื้อจัดจ้างโครงการละไม่เกิน 500,000 บาท นั้น ก็จะต้องตรวจสอบเช่นกัน ว่าโครงการที่จัดซื้อจัดจ้างบางโครงการอาจจะไม่ใช่หน้าที่ของ อบจ.นครราชสีมา เช่น โครงการเล็กอยู่ในพื้นที่ อบต.ใด อบต.หนึ่ง หรือบางโครงการเป็นในพื้นที่ใกล้กันลักษณะเหมือนกันแต่ซอยงานอีกประมาณกว่า 100 โครงการ ตรงนี้ทาง สตง.จะเป็นผู้รับผิดชอบไปตรวจสอบในรายละเอียด ถึงแม้ว่ายังไม่ได้ลงมือดำเนินการ แต่ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงการที่มันมีความผิดระดับหนึ่งแล้ว จากนั้นข้อมูลทั้งหมดจะสรุปผลการตรวจสอบส่งต่อให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ โดย ป.ป.ช.จะเชื่อมโยงว่า การดำเนินการลักษณะเช่นนี้มีผู้เกี่ยวข้องระดับใดบ้าง

ระงับโครงการขุดลอก ทำถนน อบจโคราช-web2

“เรื่องนี้ได้รายงานความคืบหน้าให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นทราบแล้ว และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสรุปเพื่อรายงานเพิ่มเติมเข้าไปอีก  ซึ่งคาดว่าทางกรมส่งเสริมการปกครองฯ  จะนำเสนอให้ พล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทราบแล้ว ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายไม่กลั่นแกล้งใคร ทุกอย่างเป็นไปตามหลักฐานสาวถึงใครก็ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะเรื่องนี้เข้าใจว่า สังคมกำลังจับตามมองดูอยู่”  นายวิเชียร กล่าวในที่สุด