by

ตำรวจ สภ.บัวใหญ่ โคราชเร่งหาหลักฐาน “ผอ.โรงเรียน” ฉาวมีสัมพันธ์ชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิง ม.2 พร้อมประสาน สพป.นม.เขต 6 ขอข้อมูลหลักฐานประกอบ จ่อแจ้งความเอาผิดอาญา คาดพรุ่งนี้ (26 ม.ค.) รู้ผล ด้าน กก.สอบข้อเท็จจริง สพป.นม.เขต 6 เร่งสรุปผลสอบเสนอศึกษาธิการจังหวัดตั้งกรรมการสอบฟันวินัยร้ายแรง ขณะ ผอ.ฉาวยังเก็บตัวเงียบ แฉประวัติหื่นชอบกินเด็ก มีเมียหลายคน

วันนี้ (25 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา มีพฤติกรรมชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ของโรงเรียน โดยมีหลักฐานข้อความสนทนาในแชตไลน์หวานซึ้งเรียกกันว่า “เมีย-สุดที่รัก” หลุดออกมาประจานจนกลายเป็นข่าวอื้อฉาวอยู่ในขณะนี้นั้น

ล่าสุด นายศุภพงษา จันทรังษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 (สพป.นม.เขต 6) ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งพิมพ์เอกสารสรุปผลการสอบข้อเท็จจริง หลังจากสอบปากคำพยานแวดล้อมทั้งครู นักเรียน และตัวแทนสถานศึกษาไปมากกว่า 20 ปากและสอบในเชิงลึก 5 ปาก ซึ่งรวมเป็นเอกสารมีความหนาพอสมควร

คณะกรรมการชุดนี้มีมติว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนคนที่ถูกกล่าวหาว่ามีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนักเรียนหญิงนั้นมีมูลความจริง พร้อมมีความเห็นเสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ก่อนส่งให้ศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมาดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ตามระเบียบขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้ มีหลายประเด็นที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเปิดช่องทางให้นายณฐาภพได้ชี้แจงข้อเท็จจริง เช่น กรณีที่พาเด็กนักเรียนหญิง ม.2 ไปเข้าพักรีสอร์ต, การเรียกเด็กนักเรียนเข้าไปพบในห้องเป็นการส่วนตัว และการให้เงินหรือซื้อขนมให้เด็กนักเรียน ประเด็นเหล่านี้ผู้อำนวยการโรงเรียนผู้ถูกกล่าวหาต้องหาหลักฐานมาชี้แจงต่อคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนผู้ถูกกล่าวหายังไม่เดินทางมารายงานตัวที่ สพป.นม.เขต 6 ตามคำสั่งย้ายมาช่วยราชการที่ สพป.นม.เขต 6 แต่อย่างใด โดยได้แจ้งทางโทรศัพท์ว่ายังอยู่ในช่วงการลาป่วย ส่วนเด็กนักเรียนหญิงที่เป็นข่าว ทราบจากผู้ปกครองว่าไปเยี่ยมยายที่ จ.สกลนคร ซึ่งทาง สพป.ต้องการให้กลับมาเรียนหนังสือตามเดิม

ทั้งนี้ จากนี้ไปจะเป็นการทำงานของศึกษาธิการจังหวัดที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงขึ้นมาดำเนินการต่อ ซึ่งจะทำการสอบทั้งผู้อำนวยการโรงเรียนที่ถูกกล่าวหา และเด็กนักเรียนหญิงด้วย เพื่อให้ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ชี้แจงหรือนำหลักฐานมาแย้งกับสิ่งที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดแรกได้ข้อมูลมา หากชี้แจงได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หากไม่มาชี้แจงหรือหลักฐานที่นำมาชี้แจงน้ำหนักไม่เพียงพอ ต้องรับผิดถูกลงโทษทางวินัยตามระเบียบกฎหมายต่อไป

สำหรับการดำเนินการทางคดีอาญานั้น เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดำเนินการ หากมีการประสานขอข้อมูลพยานหลักฐานเข้ามา ทาง สพป.ยินดีส่งมอบให้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.อ.คารม บุญสด ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.บัวใหญ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว โดยใช้เวลาหาข้อมูล 3 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันพรุ่งนี้ (26 ม.ค.) เพราะขณะนี้ทราบข้อมูลเพียงจากข่าวของสื่อมวลชนเท่านั้น ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยกรรมการชุดนี้ ซึ่งมีรองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน สภ.บัวใหญ่เป็นประธาน ได้ลงพื้นที่หาข้อมูล พร้อมประสานขอข้อมูลจาก สพป.นม.เขต 6 ด้วย หากมีมูลความผิดต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

กรณีเช่นนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้เลย แต่หากมีความผิดหรือเป็นจริงคงต้องให้ผู้ปกครองของเด็กมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตามต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มที่

สำหรับผู้อำนวยการโรงเรียนอื้อฉาวคนดังกล่าวอายุ 51 ปี เพิ่งย้ายจากผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งใน ต.โนนทองหลาง อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา มารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี ต.บัวใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาส เปิดสอนตั้งแต่ ป.1-ม.3 ได้แค่ 3 เดือน แล้วมาก่อเหตุฉาวโฉ่ขึ้น

ก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาฉาวโฉ่ลักษณะเดียวกันนี้กับเด็กนักเรียนหญิง ป.6 จนทำให้ถูกลงโทษทางวินัยด้วยการตัดเงินเดือน และเป็นเหตุให้ต้องเลิกรากับภรรยาที่มีลูกด้วยกัน 2 คน ก่อนมามีภรรยาใหม่คนปัจจุบันอายุ 21 ปี ทำงานอยู่ร้านสะดวกซื้อ โดยมีสัมพันธ์กับผู้อำนวยการโรงเรียนคนนี้ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.3 และคบกันมานานถึง 6ปี