19 April 2024


ยังอาลัย!เตรียมพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร “หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ” ปีนี้ มข.หารือโคราชร่วมจัดพิธี

Post on: Jan 31, 2018
เปิดอ่าน: 1,080 ครั้ง

 

มข. หารือโคราชเตรียมพร้อมจัดพิธีบำเพ็ญกุศลและพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร “หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ” อดีตเกจิดังเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ในปีนี้ ตามพินัยกรรมหลังเป็นครูใหญ่ครบกำหนด

หลวงพ่อคูณ1

หลวงพ่อคูณ2
วันนี้( 30 ม.ค.) ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัดนครราชสีมาและหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดนครราชสีมา โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อปท. หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง

โดยวาระการประชุมที่สำคัญ เรื่องการจัดพิธีถวายเพลิงสรีระสังขาร พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา มีคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดยรองรศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น , รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมชี้แจงขั้นตอนต่างๆ พร้อมมีคณะลูกศิษย์ เช่น นายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ อดีตเลขานุการหลวงพ่อคูณ และกรรมการวัดบ้านไร่ และคณะศิษยานุศิษย์ร่วมฟัง

ทั้งนี้สืบเนื่องจากพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณ ที่ได้มอบสรีระให้กับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ นำไปศึกษาค้นคว้าตามวัตถุประสงค์ของภาควิชาดังกล่าว ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ให้กับนักศึกษา โดยพินัยกรรมระบุว่า เมื่อสิ้นสุดแล้วให้จัดพิธีเรียบง่าย ละเว้นพิธีสมโภชใดๆ ห้ามมิให้ขอพระราชทานเพลิงศพ โกศ และหรือพระราชพิธีอื่นๆ เป็นกรณีพิเศษและเป็นการเฉพาะ บัดนี้ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมกับจังหวัดขอนแก่นและได้เชิญตัวแทนของจังหวัดนครราชสีมาที่ระบุไว้ในพินัยกรรม อาทิ นายอำเภอด่านขุนทด , ศึกษาธิการอำเภอด่านขุนทด ร่วมปรึกษาหารือการดำเนินการจัดการศพให้เป็นไปตามพินัยกรรม โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นกันแล้ว จึงมาหารือกับหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งปีนี้ 2561 จะเป็นปีสุดท้ายสำหรับการเป็นอาจารย์ใหญ่ของหลวงพ่อคูณหลวงพ่อคูณ3

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้เสร็จสิ้นพิธีบำเพ็ญกุศลหลวงพ่อคูณ ละสังขารเป็นเวลา 7 วันที่ หอประชุมกาญจนาภิเษก จังหวัดขอนแก่นแล้วได้อันเชิญร่างของหลวงพ่อคูณ ไปที่คณะแพทยศาสตร์ ได้ผ่านกระบวนการดองร่างครูใหญ่ และหลังครบ 1 ปี ได้นำร่างขึ้นมาเป็นครูใหญ่ ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 2 ของการเป็นครูใหญ่ของหลวงพ่อคูณ ฉะนั้นเพื่อความเหมาะสมทางภาควิชาฯและคณะแพทยศาสตร์ ไม่ได้ให้ร่างท่านให้กับนักศึกษาแพทย์เป็นการเฉพาะ ซึ่งปกตินักศึกษาแพทย์จะใช้ร่างครูใหญ่ 1 ร่างกับนักศึกษาแพทย์ 6 คน แต่ของหลวงพ่อคูณ ทางคณะได้มอบหมายให้อาจารย์ที่มีขีดความสามารถดีที่สุดในการผ่าร่างครูใหญ่คือ รศ.ดร. กิตติศักดิ์ ศรีพานิชกุลชัย และคณะทีมงาน โดยการผ่าร่างในการสาธิตให้กับนักศึกษาแพทย์และนักศึกษาทุกคณะในศูนย์วิทยาศาสตร์ได้มาดูแล้วนำไปผ่าร่างครูใหญ่ของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง

ฉะนั้นหลวงพ่อคูณ จึงไม่ได้เป็นครูใหญ่เฉพาะแค่นักศึกษาแพทย์ 6 คนเท่านั้น แต่เป็นครูใหญ่ของนักศึกษาแพทย์ทั้งชั้นปี ประมาณ 280 คน รวมทั้งอีก 600 คนของนักศึกษาในศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพด้วย จึงรายงานในเบื้องต้นเพื่อให้ทุกท่านได้อนุโมทนากับกุศลจิตของหลวงพ่อคูณ ที่ท่านได้เสียสละร่าง
เตรียมพระราทานเพลิง หลวงพ่อคูณ1ทั้งนี้ในส่วนกระบวนการศึกษาจะเสร็จสิ้นในปี 2561 คือปีนี้ ประมาณเดือนมิถุนายน 2561 เป็นการศึกษาประมาณ 1 ปีครึ่ง ของวิชากายวิภาคศาสตร์ ซึ่งมีความต่อเนื่อง ฉะนั้นตอนนี้เราจะมีการเตรียมการเพื่อดำเนินการสำหรับการบำเพ็ญกุศลก่อนที่จะมีการขอพระราชทานเพลิง ตนใช้คำว่า พระราชทานเพลิงเนื่องจากว่า ในพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณ ได้ระบุว่า ขอให้จัดการร่างของท่านพร้อมครูใหญ่ท่านอื่น เนื่องจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ขอพระราชทานเพลิงครูใหญ่เป็นกรณีพิเศษเป็นเวลาประมาณ 20 ปีแล้ว

ฉะนั้นการบำเพ็ญกุศลของหลวงพ่อคูณ ก่อนที่จะเผาจริงจะเป็นการพระราชทานเพลิงศพร่วมกับครูใหญ่ท่านอื่น ซึ่งทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นโดยอธิการบดีเราจะจัดพิธีบำเพ็ญกุศลพร้อมกับครูใหญ่ท่านอื่นๆ ประมาณ 400-500 ร่าง ที่ศูนย์ประชุมกาญจนาภิเษก หลังจากนั้นถึงจะนำร่างครูใหญ่ไปประกอบพิธีประชุมเพลิงหรือฌาปนกิจตามวัดต่างๆกว่า 20 วัดในจังหวัดขอนแก่น

DSC_0831
รศ.นพ.ชาญชัย กล่าวต่อว่า สำหรับร่างของหลวงพ่อคูณ ตามพินัยกรรมได้ระบุว่าให้นำไปฌาปนกิจ ณ ฌาปนสถานของวัดหนองแวง พระอารามหลวง หรือวัดอื่นใดที่ทางคณะแพทย์ศาสตร์เห็นสมควร ซึ่งคณะแพทย์ศาสตร์ได้ไปเรียนปรึกษาเจ้าอาวาสวัดหนองแวง พระอารามหลวง ถึงสถานที่ที่จะเหมาะสม ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่า ฌาปนสถานฯ วัดหนองแวงพระอารามหลวง ที่อยู่ในเมืองขอนแก่นน่าจะไม่สามารถรองรับประชาชนศิษยานุศิษย์จำนวนหลายแสนคนได้ จึงมีดำริว่า เราจะไปทำเมรุชั่วคราวของวัดหนองแวง พระอารามหลวงที่บริเวณพุทธมณฑลอีสาน จึงเป็นที่มาที่จะต้องเตรียมสถานที่ จะต้องตัดถนนเข้าไป จะต้องมีการถมที่ดิน

รวมทั้งต่อไปเมื่อเสร็จสิ้นการฌาปนกิจหลวงพ่อและนำอัฐิอังคารไปลอยลงในแม่น้ำโขงแล้ว สถานที่ตรงนั้นทางมหาลัยขอนแก่นมีดำริว่าจะสร้างเป็นอนุสรณ์สถาน โดยเราจะไม่เรียกว่าเจดีย์ เพราะตรงนั้นจะมีอัฐิธาตุ เนื่องพินัยกรรมหลวงพ่อคูณ ต้องการให้นำทุกอย่างไปลอยอังคารที่แม่น้ำโขง ฉะนั้นเราถึงต้องใช้คำว่าอนุสรณ์สถานแทน