เผลอ..แป๊ปเดียว ก็โผล่เข้าเมษาหน้าร้อนกันซะแล้วววว… ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ ที่หลายคนใฝ่ปองคงหนีไม่พ้นสถานที่เป็นน้ำๆ เช่นทะเล น้ำตก ภูเขา อะไรก็ว่าไป แต่วันนี้เราจะแนะนำให้ตามทริปๆนึง ของคุณสมาชิกหมายเลข 2136436 แห่งบ้านสีน้ำเงิน ที่เลือกเดินทางไปเที่ยวในช่วงปิดเทอมใหญ่ ที่เขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี สถานที่ยอดนิยมในพ.ศ.นี้ ด้วยรถไฟมาฝากกันค่ะ ต้องบอกเลยว่าทริปนี้ท่องเที่ยวแบบได้บรรยากาศการพักผ่อนจริงๆ อ่านจบแทบอยากเก็บกระเป๋าไปเที่ยวกันเลย
สวัสดีชาวพันทิปทุกท่านค่ะ *ไหว้งามๆ* กระทู้รีวิวครั้งแรกในชีวิตกับการไปพักผ่อนหย่อนใจกับเพื่อนๆที่เขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ที่พักก็คือ “แพภูตะวัน” เดินทางในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาค่ะ เป็นทริปก่อนที่จะเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ^^ ถ่ายภาพด้วยกล้อง Olympus OM-D แล้วก็ไอโฟนค่ะ ถ่ายไปเรื่อย ยังไงก็ฝากติชมกันด้วยนะคะ
เริ่มเดินทางกันที่สถานีหัวลำโพง รถไฟออกเวลา 17.05 เป๊ะๆค่ะ พวกเรามากันก่อนเวลา ก็เลยหาอะไรกินกันก่อน
ขึ้นรถไฟมาแล้วค่าา เป็นรถไฟตู้นอนปรับอากาศชั้น 2 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมงกว่าๆ เสียไปคนละ 733.33 บาทค่ะ
พอสักพักพี่เจ้าหน้าที่ก็มาปรับให้เป็นที่นอนค่ะ
ไม่ต้องห่วงว่าขึ้นไปแล้วจะไม่มีอะไรกินนะคะ บนรถไฟเดินขายของกันสนุกสนานเลยค่ะคุณขาา ด้วยความหิว(ได้ข่าวว่ากินมาแล้ว)ก็เลยได้ข้าวไก่กระเทียมกับไข่ดาวมาในราคากล่องละ50 บาท
ต่อด้วยเล็กแห้งไม่(มี)ผัก กล่องเล็กน่ารัก ราคาก็น่ารักค่ะ 10 บาทเท่านั้น
รสชาติใช้ได้เลยค่ะ แต่ไม่อิ่มนะ กินไปนับคำได้เลย
กลางคืนนอนกันไม่ค่อยหลับ ก็เลยได้ภาพ Collection ตู้นอนนี้มา ใครสนใจนางแบบของเราติดต่อได้ที่รพ.ศรีธัญญาเลยค่ะ ไม่เต็มซักกะคน
สุราษฎร์แล้วนิ !! ลงที่อำเภอพุนพิน ถึงประมาณ 4.35 น. เลทจากเวลาที่บอกนิดหน่อย สบายๆค่ะ
จากสถานีไปที่ท่าเรือมีพ่อเพื่อนมารับค่ะ ดีใจสุดๆ *ปาดน้ำตา* แต่แถวๆนั้นก็มีรถตู้แต่เช้าตรู่เลยนะคะ น่าจะต้องติดต่อ หรือเป็นรถตู้สาธารณะก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ว่ากันต่อ กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ!!!! ก่อนจะไปท่าเรือก็แวะตลาดสดกินปาท่องโก๋ ไข่ลวก และชาร้อนกันซะหน่อย ^^
ถึงแล้ววววววววว เขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลานนั่นเอง มุมจากด้านบนสวยมากเลยค่ะ
เราต้องโทรนัดกับทางที่พักก่อนนะคะ ว่าจะมาถึงท่าเรือประมาณกี่โมง แล้วก็จะมีเรือมารับค่ะ คุณลุงขับเรือก็น่ารักค่ะ อายุมากแล้ว แกบอกว่ามาขับเรือเล่นแก้เซ็ง ชื่อลุงถาวรค่ะ จำแม่นเลย
เครื่องแรง แล่นเร็ว แต่สักพักเรือก็ดับแล้วลอยเข้าฝั่ง คิดว่าลุงแกจะแวะให้ดูอะไร แต่ก็ได้ความว่าเรือพังค่ะ……… เอาแล้วไง ลุงแกก็ซ่อมอยู่นาน วันนี้จะถึงแพที่พักมั้ยล่ะลุ้งงงงงงงงงงT___T เรือใครผ่านไปผ่านมาก็แวะเข้ามาทักทายสารทุกข์สุขดิบ คนไทยน่ารักจริงๆนะเออ สุดท้ายก็ติดจนได้ โอเค สบายใจละ เดินทางกันต่อค่ะ
ถึงแล้ววววววว แพภูตะวัน จองห้องแบบแคปซูล แพคเกจ 3 วัน 2 คืน ราคาคนละ 3600 บาทค่ะ พักกัน 6 คน เกิดการเข้าใจผิดนิดหน่อย ตอนแรกคิดว่าจะได้นอนห้องเดียวกันหมดเลย แต่ว่าเค้าแยกเป็น 2 ห้อง ก็ว่าตามนั้นค่ะ
มีเรือคายักให้พายเล่นด้วยนะคะ วางเงินมัดจำไม้พายอันละ 200 บาท พายไปเลยค่ะ ไปถึงไหนก็ได้ค่ะถ้ามีแรงพาย แต่ต้องเผื่อแรงไว้พายขากลับด้วยนะ
โน่นนนนน แคปซูล 2 หลังน้อยๆของเรา กว่าจะเดินถึงผอมกันพอดีค่ะ ไกลมากกกกกก ตลอดทางเดินก็มีเสียงเอี๊ยดอ๊าด เหมือนทางเดินมันไม่ค่อยแข็งแรง เกรงว่าเดินๆไปจะเซหัวทิ่มตกน้ำก่อนถึงห้องค่ะ 5555555555
นี่เป็นบรรยากาศหลังห้องค่ะ ของจริงสวยมากๆ ช่วงบ่ายๆอากาศร้อนก็โดดลงน้ำไปเลยค่ะ
อุปกรณ์สำคัญ
กฎระเบียบในการเข้าพักที่นี่นะคะ ใช้ไฟได้ช่วง 6โมงเย็น – 6 โมงเช้า ตรงเค้าท์เตอร์ด้านหน้ามี Wifi ให้เล่นด้วยนะคะ แต่สัญญาณช่างอ่อนแรงเหลือเกิน T_T
มาดูห้องน้ำกันบ้างค่ะ ก่อนหน้านี้ถามทางแพว่ามีห้องน้ำในตัวด้วยรึเปล่า พี่เค้าก็บอกว่ามี แต่จริงๆแล้วมันเป็นห้องน้ำรวม อารมณ์ประดุจเข้าค่ายเนตรนารีกันอีกครั้ง ห้องน้ำมีทั้งหมด 2 ฝั่งค่ะ ฝั่งที่ใกล้ๆกับเราถือว่าใช้ได้เลย แต่อีกฝั่งน่ากลัวไปนิดนึง เวลาไปก็ชวนเพื่อนไปด้วยนะคะ
พระอาทิตย์ตกดินแล้วค่ะ
— เช้าวันที่ 2 — ตื่นกันแต่เช้าเลยค่ะ เราต้องนั่งเรือไปเที่ยวตอน 8.00น. พอ 7.30 ก็มากินข้าวเช้ากันก่อน มื้อเช้าเป็นข้าวผัด แล้วก็ผัดหมี่ อ้อ ลืมบอกไปว่าทางแพมีน้ำร้อนบริการทั้งวันนะคะ ก่อนมาเราซื้อมาม่ามาหลายสิบถ้วยเป็นเสบียงตุนไว้ยามหิว เรื่องกินเรื่องใหญ่ค่ะ ขนมนมเนย น้ำดื่มด้วยเพราะซื้อที่แพแพงมากกกก
ออกเดินทางแล้วค่ะ ไปดูเขาสามเกลอ หรือว่ากุ้ยหลินเมืองไทยกันก่อน เดินทางตอนเช้าอากาศดีมากๆ บรรยากาศรอบๆเป็นธรรมชาติ เงียบสงบ ต้องมาลองสัมผัสสักครั้งนึงค่ะ
ใช้เวลาถ่ายรูปแป๊บนึงแล้วก็ไปถ้ำปะการังกันต่อค่ะ
แต่ว่าก่อนจะถึงถ้ำเราต้องเดินป่าเพื่อไปนั่งเรือแพต่อไปที่ถ้ำ ก่อนเดินพี่คนขับเรือก็แจกน้ำให้พวกเราคนละขวด ระยะทางการเดิน 1 กิโลเมตร เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันค่ะ เพราะว่าทางเดินก็ชันพอสมควร แต่ก็ถือว่าออกกำลังกายไปด้วย ใครที่คิดว่าจะเดินป่าก็อย่าลืมพกรองเท้าผ้าใบมาด้วยนะคะ ^^
แถ่นแท้นนนน ยานพาหนะสุดล้ำดีไซน์เก๋ของเรา
คราวนี้คนขับเรือเป็นคนละคนแล้วค่ะ พี่คนนี้ก็จะเป็นไกด์นำทางเราในถ้ำด้วย ถ้ำนี้ชื่อว่า “ถ้ำปะการัง” ค่ะ พี่เค้าบอกว่าเป็นถ้ำที่ยังงอกได้อยู่ งอกปีละ 3 มิลลิเมตร ข้างในสวยมากๆค่ะ
มื้อเย็นของคืนที่ 2 ค่ะ อย่าแปลกใจว่าทำไมถ่ายมามื้อเดียว มื้ออื่นถ่ายไม่ทันค่ะ555555555 อาหารกินได้ทุกอย่างเลย รสชาติอร่อยดีค่ะ เติมได้ทุกอย่างยกเว้นปลาทอด ไก่ทอด แล้วก็ผลไม้ มีไข่เจียวด้วยเติมกันไป 5 จานได้ -..-
อันนี้เป็นที่พักอีกแบบของทางแพค่ะ 2 คืน ราคา 3,200 บาท
กลับแล้วค่า ขากลับเรานั่งรถตู้ที่ติดต่อไว้ตรง Information ที่ท่าเรือเมื่อวันมา ยังมีเบอร์พี่คนขับรถตู้อยู่เลย หลังไมค์มาขอได้นะคะ หัวเราะเยี่ยม นั่งไปสนามบินราคาเหมา 1,600 บาท ประมาณ 40 นาทีก็ถึงแล้ว
จบแล้วววว ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนจบค่ะ ^__^ ถ้าผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยอีกครั้งนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูล จาก คุณ สมาชิกหมายเลข 2136436