ดาบตำรวจเมืองย่าโมน้ำใจงาม ใช้เวลาหลังเลิกงานออกให้บริการตัดผมฟรีแก่ประชาชนมานานกว่า 2 ปี บอกอยากช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้ประชาชนและดูแลทุกข์สุขเสมือนญาติมิตร เผยเคยเรียนเทคนิคตัดผมตั้งแต่เป็นทหาร จึงนำความรู้มาใช้เน้นตัดทรงเรียบร้อยเฉพาะผู้ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ระบุเคยเข้าไปตัดให้คนป่วยติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พระสงฆ์ นร.และ ปชช ตัดมาแล้วมากกว่า 1,000 หัว ยันไม่รับเงินขอทำด้วยใจเพื่อช่วยคนจน
วันนี้ ( 16 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครราชสีมาว่า ผ่านวันตำรวจ 13 ต.ค มาได้ไม่นาน สังคมโลกออนไลน์ของจังหวัดนครราชสีมาต่างมีการแชร์ภาพของตำรวจนายหนึ่งที่ทำงานไม่รู้เหน็ดเหนื่อยออกให้บริการตัดผมฟรีให้แก่ประชาชนลูกเด็กเล็กแดงผู้ป่วย ผู้สูงวัย ในพื้นที่ ต.จอหอ ต.โคกสูง อ.เมือง จ.นครราชสีมา และมีการกดไลท์ให้เป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ชุมชนโนนโพธิ์ พัฒนา พบ ด.ต.วิวัฒน์ ดวนสันเทียะ วัย 42 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.จอหอ และหัวหน้าชุดสายตรวจ กำลังให้บริการตัดผมให้ชายสูงวัย ที่ผมยาวหนวดรุงรังป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ และยังมีลูกค้าทั้งเด็กผู้ใหญ่นั่งรอตัดผมอีกหลายคน
ด.ต.วิวัฒน์ เปิดเผยว่า จะใช้เวลาหลังเลิกงานและออกเวรมาให้บริการตัดผมฟรีแก่ประชาชนในชุมชนโดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.จอหอ ทำมานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยจะนำอุปกรณ์ที่จำเป็นขึ้นรถยนต์เก๋งของตัวเอง เช่น เก้าอี้หมุน 1 ตัว บัตเตอร์เลี่ยน 3 อัน หวี ผ้า มีโกน ตระเวนไปตามชุมชนต่างๆ เพื่อให้บริการตัดผมฟรีแก่ประชาชน บางครั้งออกต่างอำเภอก็ยังไปให้บริการเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ตนทำงานอยู่ที่นครบาล กรุงเทพฯ ก็จะออกตัดผมฟรีให้ประชาชนในชุมชนคลองเตยและชุมชนอื่น ๆมานานกว่า 1 ปี
ลงพื้นที่ทุกครั้งก็จะประสานกับประธานชุมชนให้นัดหมายประชาชนที่ต้องการตัดผมมาจุดเดียวกันเพื่อรับบริการฟรี หากท่านใดที่ป่วยไม่สามารถเดินทางมาได้ ตนเองก็จะเข้าไปตัดให้เองถึงเตียงคนไข้ ในช่วงเปิดภาคเรียนก็จะเข้าไปให้บริการตามโรงเรียนต่างๆ ทั้งระดับมัธยมและประถมศึกษา เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว เพราะบางรายไปตัดที่ร้านก็ต้องจ่ายเงินไม่ต่ำกว่าหัวละ 30-50 บาท หรือบางร้านคิดราคาค่าตัดผมสูงขั้น 180-200 บาท แม้แต่พระสงฆ์ตนเองก็เคยเข้าไปตัดให้ฟรี
ด.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า เคยฝึกฝีมือในการตัดผมเมื่อครั้งเป็นทหารเมื่อ 20 ปีก่อนจะเข้ามารับราชการตำรวจและเรียนรู้พัฒนาฝึกฝนเพิ่มเติมมาอย่างต่อเนื่อง สามารถตัดได้ทุกทรงแบบมืออาชีพ แต่จะเน้นทรงผมเรียบร้อยของผู้ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ “การออกไปตัดผมให้ชาวบ้านก็ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับประชาชนในชุมชนมากขึ้น เป็นเหมือนลูกหลาน ญาติผู้ใหญ่ ประชาชนไว้ใจตำรวจ ได้ข่าวจากชาวบ้านที่แจ้งเบาะแสเรื่องยาเสพติดขณะลงไปให้บริการตัดผมก็หลายข่าว ทำให้งานด้านการปราบปรามของเรามีประสิทธิภาพไปด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือได้ช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชนแม้จะเป็นเงินเพียงเล็กน้อยแต่เราก็มีความสุขที่ได้ทำ มีหลายคนที่จะหยิบเงินให้เมื่อมาใช้บริการแต่ตนจะปฏิเสธทุกครั้งและไม่ขอรับ บางคนก็นำเอาสิ่งของ เอาผัก ผลไม้ พื้นบ้านมาฝาก ก็มีเช่นกัน บางอันก็รับเนื่องจากเกรงว่าคนให้จะเสียใจ แต่ส่วนใหญ่จะไม่รับ มาถึงวันนี้ตัดผมให้ประชาชนมาแล้วมากกว่า1,000 หัว” ด.ต.วิวัฒน์ กล่าว
ด.ต.วิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ผู้บังคับบัญชาสนับสนุนเต็มที่ เพราท่านเห็นว่าเราทำความดี ซื้อบัตเตอร์เลี่ยนให้บ้างและคอยถามว่าขาดเหลืออะไรก็ให้การช่วยเหลือ ขณะที่ครอบครัวโดยเฉพาะภรรยาและลูกอีก 2 คนก็เข้าใจ แม้ว่าครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวยแต่เราก็ไม่คิดจะเอาเงินจากการออกให้บริการตัดผมประชาชน บางครั้งภรรยาก็มาช่วย อุปกรณ์พังก็เอาไปซ่อมให้
ด้าน พ.ต.อ.สมศักดิ์ ฤกษพุฒิ ผู้กำกับการ สภ.จอหอ ผู้บังคับบัญชา ด.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า ตอนแรกที่ย้ายเข้ามารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว ก็เห็น ด.ต.วิวัฒน์ ออกให้บริการตัดผมแก่พี่น้องประชาชนและลงไปดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยตนเองว่าทำดีก็สนับสนุน ซื้ออุปกรณ์ช่วย และไม่แบ่งงานเพิ่มเติมให้ก็ให้ทำตามหน้าที่ที่มีอยู่ ซึ่งด.ต.วิวัฒน์ ไม่เคยบกพร่องในหน้าที่ เรายังชื่นชมรู้จักแบ่งเวลา และคนที่จะทำแบบนี้ได้ ต้องทำด้วยใจจริง ๆ ตรงกับนโยบายของ ผบ.ตร.ที่ต้องการให้ตำรวจเป็นมิตรกับประชาชน
ขณะที่เพื่อนร่วมงานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ด.ต.วิวัฒน์ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตำรวจ สภ.จอหอ ทุกคนยินดีและให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ พยายามอยากจะฝึกฝีมือเพื่อจะได้มาช่วยกัน แต่ก็ยังทำไม่เป็น ให้การช่วยเหลืออย่างอื่น เช่น จัดคิวให้ หรือซื้ออุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วยส่งเสริม
ด้าน นายสมศักดิ์ ม่วงโคกสูง อายุ 70 ปีที่มารอเข้าแถวตัดผม กล่าวว่า ตัดผมกับ ด.ต.วิวัฒน์ มานานหลายเดือนแล้ว ไม่ต้องไปจ่ายเงินค่าตัดผมทีละ 30 บาทที่ร้านตัดผม และไม่ต้องเดินทางไกลตำรวจเข้ามาบริการตัดผมถึงบ้าง รู้สึกประทับใจมาก ๆ และขอขอบคุณตำรวจดี ๆ ที่ดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด