กลุ่มวิสาหกิจสุรากลั่นชุมชนโคราชกว่า 100 คน บุกสรรพสามิตขอให้ยกเลิกคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต พร้อมยื่นศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวให้เปิดกิจการได้ก่อนขณะรอรัฐดำเนินการให้ชัดเจน เผยเกิดเหตุชุลมุลหลังเจ้าของโรงเหล้าชุมชนบุกเข้าไปต่อว่าใส่หน้าสรรพสามิตพื้นที่นครราชสีมา บอกทุกวันนี้ไม่เหลืออะไรแล้วหนี้สินท้วมหัว ขอรัฐอย่ารังแกสุราชุมชนด้าน ตร.รีบคุมสถานการณ์ แต่โชคดีไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ ( 8 ก.ย) ที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่นครราชสีมา กลุ่มวิสาหกิจสุรากลั่นชุมชนโคราชกว่า 100 คน นำโดยนายสมคิด หอมเนตร ทนายความ นางกรรณลิภา ดื่มพุดซา และ นายธวัช สังข์สุข แกนนำกลุ่มวิสาหกิจสุราชุมชนบ้านพุดซา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้รวมตัวกันเดินมายื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องขอให้ยกเลิกและเพิกถอนคำสั่ง กรณีเพิกถอนใบอนุญาตทำสุราของผู้ประกอบการสุรากลั่นชุมชนในจังหวัดนครราชสีมาจำนวน 12 แห่ง ก่อนเดินทางเข้ายื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินที่ศาลปกครองจังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้ในขณะที่นางสุวรรณา มีทอง สรรพสามิตพื้นที่นครราชสีมา มารับหนังสือร้องเรียน เกิดเหตุชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากผู้ประกอบการรายหนึ่งเป็นหญิงเดินเข้าไปต่อว่าสรรพสามิตฯ ต่อหน้าว่าเลือกปฏิบัติและรังแกผู้ประกอบการขนาดเล็ก ไม่เห็นใจคนทำมาหากิน แม้ว่าจะทำตามข้อกำหนดที่ทางรัฐกำหนดให้มาแล้วก็ยังต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาต ทุกวันนี้หนี้สินท่วมหัวลูกน้องตกงานชีวิตไม่เหลืออะไรแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้ามายืนคุมสถานการณ์อยู่ใกล้ ๆ แต่ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด
นายสมคิด หอมเนตร ทนายความและแกนนำกลุ่มวิสาหกิจสุราชุมชนบ้านพุดซา เปิดเผยว่า หลังจากสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่นครราชสีมาได้มีหนังสือ เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของผู้ประกอบการสุรากลั่นชุมชนจำนวน 12 รายนั้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการและลูกจ้างได้รับความาเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากขาดรายได้และมีหนี้สินจำนวนมากที่ค้างจ่ายอยู่ วันนี้จึงรวมตัวกันมายื่นหนังสือต่อหน่วยงานที่กำกับดูแลและสั่งการให้มีการเพิกถอนใบอนุญาต โดยอ้างว่า สถานที่ทำสุราของผู้ประกอบการในจังหวัดนครราชสีมาจำนวน 10 ราย และบุรีรัมย์อีก 2 รายไม่เป็นไปตามแบบแปลนแผนผังที่ได้ยื่นขอไว้ โดยได้มีการก่อสร้างหอกลั่นสุราซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบแปลนแผนผังสถานที่ทำสุราโดยไม่ได้ยื่นขออนุญาตต่อสรรพสามิตพื้นที่ล่วงหน้า จึงได้ทำการเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก ทั้งที่สุรากลั่นชุมชนเกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลเพื่อต้องการให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีกิจการเป็นของตัวเอง แต่วันนี้รัฐกลับมาจัดการกับผู้ประกอบการกลุ่มเล็ก ๆ ที่มีรายได้พอเลี้ยงตัวเองและครอบครัว การสั่งปิดกิจการส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่อย่างมาก หนี้สินที่ต้องชำระให้กับเจ้าหนี้ที่กู้เงินมาลูกทุนก็ไม่มี ลูกจ้างก็ตกงานเป็นปัญหาทางสังคมเพิ่มอีก
ด้านนางสุวรรณา มีทอง สรรพสามิตพื้นที่นครราชสีมา กล่าวว่า จะส่งเรื่องดังกล่าวไปยังส่วนกลางเพื่อพิจารณาดำเนินการในการช่วยเหลือ เนื่องจากหน่วยงานในพื้นที่ก็ทำตามคำสั่งของส่วนกลางและรู้สึกเห็นใจผู้ประกอบการเนื่องจากเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแต่ผู้ประกอบการเองก็ต้องซื่อสัตย์ต่อธุรกิจตัวเอง ต้องทำตามที่กฎหมายกำหนดให้ และนายกรัฐมนตรีได้มีนโยบายให้กรมกำกับดูแลโรงงานสุราชุมชนให้ถูกต้อง การอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวนี้ขึ้นอยู่กับส่วนกลางจะพิจารณาดำเนินการต่อไป
นางสุวรรณา กล่าวอีกว่า จังหวัดนครราชสีมามีผู้ประกอบการผลิตสุรากลั่นชุมชนที่ได้รับใบอนุญาตรวม 23 แห่ง จ่ายค่าอากรแสตมป์ให้แก่สรรพสามิตพื้นที่นครราชสีมาปีละกว่า 400 ล้านบาทและถูกสั่งปิดกิจการไปจำนวน 10 แห่ง ส่วนจะเปิดให้ขอใบอนุญาตใหม่ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับส่วนกลางจะสั่งการลงมาแต่คงต้องมีการร่างข้อบังคับใหม่เพิ่มเติมเพื่อให้มีความชัดเจนมากกว่านี้และไม่เกิดปัญหาขึ้นอีก เช่น การยื่นแผนผังสถานที่จะต้องระบุลงไปให้ชัดเจนว่ามีอะไรบ้างไม่ใช่แค่พอสังเขปเหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น