ชาวบ้านวังน้ำเขียวโคราชหลั่งน้ำตา ระทมหนักอุทยานทับลานฯ ไล่ออกจากบ้าน แผ่นดินผืนสุดท้ายที่ปู่ย่าตายายทิ้งไว้ให้ อ้างบุกรุกเขตอุทยานฯ ทั้งที่อยู่ทำกินมานาน ขณะที่นายทุนบุกสร้างรีสอร์ทกลับไม่ถูกไล่รื้อ พ้อเห็นไม่มีอำนาจต่อรองจึงรังแก ยันจะขอตายอยู่ในที่ดินทำกินของตัวเอง ร้องผู้ว่าฯ ช่วย
เมื่อเวลา 13.00น.วันนี้ ( 16 ต.ค.) ที่ศูนย์ดำรงธรรมชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ประชาชนในอำเภอวังน้ำเขียวกว่า 50 คน นำโดยนางปิ่นแก้ว เหิมขุนทด และ นางเรณู หาญสงคราม ชาวบ้าน ต.ไทยสามัคคี ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์และขอความเป็นธรรมกับ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา หลังได้รับหนังสือจากอุทยานแห่งชาติทับลานให้ทำการรื้อถอนบ้านพักที่อยู่มาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ออกจากพื้นที่ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
นางปิ่นแก้ว เหิมขุนทด อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 ม. 5 บ้านบุไผ่ คุ้มห้วยยายเหนือ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนเองทำกินบนพื้นที่กว่า 4 ไร่ครึ่งมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย และได้รับมรดกตกทอดจากพ่อแม่มาให้ตั้งแต่ปี 2502 เมื่อปี 2554 ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลานได้เข้ามาแจ้งว่า ตนเองบุกรุกพื้นที่อุทยานทั้งที่บ้านพักและที่ทำกินตั้งอยู่กลางหมู่บ้านติดถนนสายหลักทางไป อบต.ไทยสามัคคี ห่างจากทางหลวงหมายเลข 304 เพียง 3 กม.เท่านั้น จากนั้นได้เข้ามาติดป้ายตามมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานฯ ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง แต่ตนก็ได้แจ้งว่า อยู่กินในพื้นที่ดังกล่าวมานานแล้ว กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางอุทยานฯ ลงนามโดยนายวิโรจน์ โรจนจินดา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน ระบุว่า
อุทยานแห่งชาติทับลาน ขอเรียนว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2558 ศาลปกครองนครราชสีมาได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ ส.18/2557 คดีหมายเลขแดงที่ ส.42/2558 ลงวันที่ 30 ก.ย.2558 คดีระหว่างนางปิ่นแก้ว ผู้ฟ้องคดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน ที่ 1 ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) ที่ 2 ผู้ถูกฟ้อง ศาลปกครองนครราชสีมา พิพากษายกฟ้อง ทั้งนี้อุทยานฯ จึงขอแจ้งเตือนมายังนางปิ่นแก้ว ให้เร่งรัดดำเนินการทำลายหรือรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งอื่นใดที่ผิดไปจากสภาพเดิมออกไปให้พ้นอุทยาน หรือทำสิ่งนั้น ๆกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้วแต่กรณี ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค. 2558 หากนางปิ่นแก้ว ไมปฏิบัติตามหนังสือดังกล่าว กรมอุทยานฯโดยอุทยานแห่งชาติทับลาน จำเป็นต้องเข้าดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเองทั้งหมดพร้อมให้นางปิ่นแก้วเก็บทรัพย์สินหรือขอมีค่าออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ โดยอุทยานฯจะเข้าดำเนินการตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. 2558 นี้เป็นต้นไปในการนี้คณะเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ เข้าดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเอง อนึ่งการต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบกฎหมายของเจ้าหน้าที่เป็นความผิดทางแพ่งและอาญา พร้อมแนบเอกสารคำฟ้องของศาลปกครองมาพร้อม
นางปิ่นแก้ว กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นรู้สึกเหมือนถูกรังแกทั้งที่บ้านตัวเองอยู่กลางหมู่บ้าน ไม่เคยไปลุกล้ำพื้นที่ใครแต่มาเจอเหตุการณ์เช่นนี้รู้สึกท้อ และไม่รู้จะไปอยู่อาศัยที่ไหนเพราะนี่คือที่ดินผืนเดียวและเป็นผืนสุดท้ายของชีวิตที่พ่อแม่มอบให้มาเป็นมรดก ขณะที่รีสอร์ทใหญ่โตกลับไม่ถูกไล่รื้อเหมือนที่ดินของชาวบ้าน อยากถามว่าความยุติธรรมมีหรือไม่วันนี้ตัวเองต้องบ้านแตกไร้แม้ที่หลับนอน อยากขอร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและยืนยันที่จะอยู่ในที่ดินผืนนี้ต่อไปเพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้ว
ขณะที่นางเรณู หาญสงคราม อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 237 ม. 1 บ้านไทยสามัคคี ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา กล่าวด้วยใบหน้าไร้ความหวังว่า ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งที่ตัวเองมีรายชื่ออยู่ในลำดับที่ 530 แต่กลับถูกดำเนินคดีก่อนไล่ออกจากพื้นที่ก่อน หากจะให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นก็ไม่รู้จะไปไหน ต้องหอบลูกหอบหลานหลานที่ยังเล็กก็ต้องออกจากโรงเรียนไปอยู่ที่อื่น วันนี้จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมและความเห็นใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้เห็นใจชาวบ้าน ซึ่งไม่มีเจตนาที่จะบุกรุกพื้นที่และยืนยันว่าอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่แห่งนี้มานานเหมือนชาวบ้านในระแวกนี้เช่นกัน
ด้านนายสุวิทย์ คำดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เรียกนางปิ่นแก้วและนางเรณู เข้าไปพูดคุยในห้องทำงาน พร้อมแจ้งว่า ได้มอบหมายให้นายอำเภอวังน้ำเขียวเข้ามาช่วยเหลือด้วยการประสานทางอุทยานเพื่อขอผ่อนผันกรณีที่ชาวบ้านทั้ง 2 ราย และให้หารือถึงทางออกที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ก่อน