ผวาหนัก เตาไฟฟ้าระเบิด ร้านชาบูโคราชเลิกกิจการ เหตุไม่มั่นใจเกรงจะได้รับอันตรายทั้งเจ้าของร้านและลูกค้า เปลี่ยนไปทำกิจกรรมอาหารทะเลเผาแทน โดยใช้เตาถ่านเพื่อเป็นทางเลือกใหม่และปลอดภัยสำหรับลูกค้า สอดรับหน้าหนาว ด้านเจ้าของผลิตภัณฑ์วิ่งโร่ดูจุดเกิดเหตุแสดงตัวรับผิดชอบ ส่วนคดีรอตำรวจเรียกเจรจากับผู้เสียหาย และรอผลพิสูจน์สาเหตุที่แท้จริง ขณะที่อาการแม่เริ่มดีขึ้นหูเริ่มได้ยินเสียงมากขึ้น แต่แผลต้องตรวจซ้ำว่ามีผลต่อการเปลี่ยนไตใหม่หรือไม่
วันนี้ ( 2 ธ.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุเตาไฟฟ้าร้าน พีกะพรีส ชาบู ซึ่งเป็นร้านอาหารจำหน่ายอาหารชาบูหม้อไฟ บุฟเฟ่ต์ ตั้งอยู่บนถนนโยธา เขตเทศบาลนครนครราชสีมา เกิดระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้มีได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 รายนั้น ได้เลิกกิจการเปลี่ยนไปขายอาหารทะเลเผาแทน
น.ส.ธนัญญา มหาชูภานนท์ เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุการณ์เตาไฟฟ้าระเบิดทุกคนในร้านก็หวาดผวาไม่กล้านำเตาทั้งหมดที่มีอยู่กลับมาใช้อีก เพราะเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัยเช่นเดียวกับลูกค้าที่ไม่กล้าเข้ามาใช้บริการแม้ว่าทางร้านจะเปลี่ยนมาใช้เตาถ่านแล้วก็ตาม ฉะนั้นทางร้านจึงตัดสินใจเลิกกิจการขายชาบูหมอไฟ เปลี่ยนมาทำทะเลเผาแทน โดยสั่งอาหารทะเลชั้นดี ปลาทะเลตัวใหญ่ หอย ปู กุ้งปลาหมึกตัวใหญ่ ๆ มาบริการลูกค้า โดยใช้เตาถ่านสำหรับให้ลูกค้าย่างรับประทานเอง มีราคาตั้งแต่ 299-999 บาท ซึ่งมีความปลอดภัย ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก โดยเปิดให้บริการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจากนี้จะเปลี่ยนป้ายร้านใหม่ คาดว่าจะยังใช้ชื่อร้าน พีกะพรีส เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจากชาบูบุฟเฟ่ต์ เป็นทะเลเผาแทน ซึ่งเข้ามาบรรยากาศหน้าหนาว และเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับลูกค้าของทางร้านด้วย
ล่าสุด นายยศกฤศ อาสนา ตัวแทนจาก บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายเตาไฟฟ้ายี่ห้อดัง ได้เดินทางไปพบกับ น.ส.ธนัญญา เจ้าของร้านชาบูที่เกิดเหตุ และได้สอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้น พร้อมเยี่ยมอาการของนางบังอร แจ่มจันทร์ อายุ 59 ปี มารดาเจ้าของร้านที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุดังกล่าว และกล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมขอเรียกคืนเตาไฟฟ้ารุ่นที่ทางร้านซื้อมาทั้งหมด 10 เครื่องกลับคืน และเปลี่ยนเตาไฟฟ้ารุ่นใหม่ให้แทนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังขอเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน รวมทั้งรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามทางตัวแทนของบริษัทฯ ยังไม่สามารถระบุได้ว่า สาเหตุที่เตาไฟฟ้าระเบิดขึ้นนั้นเกิดจากสาเหตุใด เนื่องจากเตาไฟฟ้าเครื่องที่เกิดเหตุระเบิดได้ถูกพนักงานสอบสวนส่งไปตรวจสอบที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะทราบผล ซึ่งเมื่อทางตำรวจได้ตรวจสอบเสร็จแล้ว ทางบริษัทฯ ก็จะนำเตาไฟฟ้าที่เกิดเหตุระเบิดกลับไปตรวจสอบที่กรุงเทพฯ เช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 3 วันจึงจะทราบผล
ด้านพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้นำเตาไฟฟ้าที่ระเบิดส่งไปที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญตรวจหาสาเหตุของการระเบิด คาดว่าจะรู้ผลภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงจะนำผลการตรวจสอบมาประกอบสำนวนการสอบสวน เพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ใดบ้าง ทั้งนี้ทางตำรวจได้รับการติดต่อจากทางตัวแทนบริษัทฯ ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งกับตัวแทนบริษัทฯ ว่า คงต้องรอให้ทางตำรวจตรวจสอบเสร็จสิ้นก่อน จึงจะสามารถนำเตาไฟฟ้าที่เกิดเหตุกลับไปตรวจสอบได้