ชมรมคนรักในหลวงโคราชรวมตัวปกป้องสถาบันกษัตริย์ จี้ รมว.ต่างประเทศ ดำเนินการทางการทูต กับ เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย ที่วิจารณ์ ม.112 ของไทย
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้( 30 พ.ย. 2558 )ที่ลานหน้ามุกศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นางพัชรา มีภู่ อายุ 55 ปี ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยแกนนำและสมาชิกชมรมคนรักในหลวง ประมาณ 50 คน เดินทางมาจากหัวเมืองใหญ่จากอำเภอต่างๆ เช่น อ.โนนไทย , อ.โชคชัย , อ.ครบุรี , อ.สีคิ้ว และ อ.เมือง สวมเสื้อสีชมพู พร้อมถือป้ายเขียนข้อความระบุว่า ชมรมคนรักในหลวง และออกแถลงการณ์เพื่อส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายสุวิทย์ คำดี รองผู้ว่าราชการนครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมเป็นตัวแทนมารับหนังสือเพื่อให้ต่อไป ยัง รมว.ต่างประเทศ
สำหรับแถลงการณ์ของชมรมคมรักในหลวงจังหวัดนครราชสีมา มีสาระสำคัญระบุว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2558 นายเกล็น ทาวน์เซนต์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยได้กล่าวในเวทีเสวนาที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศมีข้อความวิจารณ์กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ม. 112 ของไทย โดยมีข้อความที่สำคัญว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ขัดขวางเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน การแสดงความคิดเห็นอย่างสันติไม่ควรถูกจำคุก และศาลไทยยังได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยด้วยความรุนแรงยาวนานเกินไป นอกจากนั้นนายเกล็น ได้กล่าวว่า สหรัฐจะให้การสนับสนุนบุคคลหรือองค์กรอิสระที่มีศักยภาพค้นคว้า และรายงานในประเด็นกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย โดยไม่ต้องเกรงกลัวอันตรายใดๆ
นายเกล็น เป็นเอกอัครราชทูต การออกมากล่าวในที่สาธารณะ วิจารณ์กฎหมายสำคัญของไทย ในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นการกล่าวในลักษณะยุยงให้บุคคลอื่นกระด้างกระเดื่องต่อกฎหมายฉบับนี้ ย่อมถือเป็นพฤติการณ์ที่ผิดมารยาททางการทูต ทั้งยังสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112(3) อีกด้วย ซึ่งประเทศสหรัฐก็มีกฎหมายคุ้มครองประธานาธิบดี เช่นกัน เมื่อปี 2553 นายสเปนเซอร์ ชาวเมืองหลุยส์วิลล์ มลรัฐเคนตั๊กกี้ ได้ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกนานถึง 33 เดือน จากการกระทำในการเขียนบทกวีพาดพิงประธานาธิบดีสหรัฐ ดังนั้นก่อนที่จะมาก้าวก่ายประเทศไทย นายเกล็น ทาวน์เซนต์ เดวีส์ ควรจะได้ดูกฎหมายของประเทศตนเองเสียก่อนว่า ขัดขวางเสรีภาพของประชาชน และมีการลงโทษมากเกินไปหรือไม่
ชมรมคนรักในหลวง ขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศของไทย ตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาในเรื่องนี้ รวมทั้งดำเนินการตามวิถีทางการทูต เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและอธิปไตยของประเทศไทย อย่างเร่งด่วนต่อไป จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้สลายการชุมนุมไปในที่สุด
