ตำรวจโคราชหวั่นสาวไม่ถึงไอ้โม่งสั่งการฉกปืนอส.ออกไปจากกองร้อย สอ.นม.1 กลางวันแสก ๆ ล่าสุดร่อนหนังสือประสานผู้ว่าฯโคราชและผู้ว่าฯ ลพบุรีส่งตัวผู้ต้องสงสัย เอี่ยวขนปืนล่องหน 4 ราย มารับทราบข้อหาพร้อมเค้นสอบ 22 มิ.ย.นี้ หากเฉยเตรียมออกหมายจับ ขณะรถใช้ขนปืนทางจังหวัดฯยังยื้อไม่ส่งให้ตรวจสอบ ล่าสุดตามปืนมาได้อีก 3 กระบอก
วันที่ 17 มิ.ย. พ.ต.อ.สมศักดิ์ ฤกษพุฒิ ผู้กับการ (ผกก.) สภ.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีอาวุธปืนเอ็ม 16 ของกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครราชสีมาที่ 1 (ร้อย อส.นม.1) ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา หายไปอย่างไร้ร่องรอย ว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดลพบุรี เพื่อส่งตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการหายไของ ปืนM16 ของ กองร้อยอส.นม. 1 โดย 3 ราย ที่เป็น อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ปฏิบัติงานอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ส่วนข้าราชการอีก 1 ราย ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ จ.ลพบุรี เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 2 จังหวัด ส่งตัวมารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดี ฐาน ลักทรัพย์ของทางราชการ
สำหรับหลักฐานสำคัญที่ระบุชัดเจนว่าทั้ง 4 คนเกี่ยวข้องกับการฉกปืนของกองร้อย อส.นม.1 ไปนั้นคือ พยานบุคคลไม่ต่ำกว่า 5 คนที่เห็นว่าทั้ง 4 คนนำรถยนต์มาขนปืนออกไปในช่วงเดือน มี.ค. 2557 โดยมาขนในช่วงกลางวัน ซึ่งช่วงที่เข้ามาขนมีการอบรมยาเสพติด มีผู้เข้าอบรมเห็นในช่วงที่ขนย้ายปืนใส่รถด้วย ซึ่งสอดคล้องกับ อส.ที่เข้าเวรในวันดังกล่าว เพียงแต่ไม่มีการลงลายมือชื่อเบิกปืนออกไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตามได้มีการสอบถามไปยังผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คนแล้วเบื้องต้นให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้นำปืนออกไป แต่ทางตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐาน หากยังให้การปฏิเสธอีกต้องไปสู้กันในชั้นศาล ให้ศาลเป็นผู้พิจารณาตัดสิน
ต่อข้อถามว่าจะสามารถสาวถึงตัวผู้สั่งการให้ทำการเบิกปืนจำนวนมากออกไปหรือไม่นั้น พ.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ยอมรับว่าเรื่องนี้ยากมาก เพราะแม้แต่ตัวผู้ต้องสงสัยเองยังไม่รับ การที่จะให้ข้อมูลว่าใครเป็นคนสั่งการให้มาขนปืนออกไปนั้น คงเป็นเรื่องยากจริง ๆ แต่คงต้องรอทั้ง 4 คนนี้ก่อนว่าจะให้การอย่างไร ในวันที่มารับทราบข้อหา 22 มิ.ย.นี้ หากไม่มาก็จะออกหมายเรียก หากออกหมายเรียก 2 ครั้งแล้วไม่มา ต้องขอศาลออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนการติดตามปืนเอ็ม 16 ที่หายไปจำนวนมากกว่า 74 กระบอก นั้น ล่าสุดสามารถตามกลับมาได้อีก 3 กระบอก อยู่ในพื้นที่ อ.พระทองคำ เนื่องจากมีการเบิกออกไปใช้ และขณะนี้ได้รับรายงานเข้ามาเรื่อย ๆ เพราะเจ้าหน้าที่กำลังไล่ตรวจสอบในทุกพื้นที่อยู่ ส่วนรถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะขนอาวุธปืนออกไป นั้น ความจริงอยากนำกลับมาตรวจที่สถานีตำรวจจะสะดวกกว่า แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับจากทางจังหวัดนครราชสีมา ว่าจะส่งมอบรถให้เมื่อใด ซึ่งก็เป็นปัญหาต่อการทำงานของพนักงานสอบสวนที่จะต้องรอและทำให้คดีล่าช้าออกไปอีก ซึ่งสวนทางกับผู้บังคับบัญชาที่กำชับให้เร่งรัดคดีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.นี้แน่นอน