ตำรวจโคราชตั้ง 3 ข้อหาหนักคนขับรถปาเจโร่ชนแล้วหนี ออกหมายเรียกให้มาพบ 3 ก.พ.นี้ เผยติดต่อเบื้องต้นทราบคนขับเป็นทหารเรือ ยอมรับสารภาพเป็นผู้ก่อเหตุจริง ขณะที่ผู้เสียหายขอบคุณโซเชียลช่วยกดดันทำให้คู่กรณีนำรถมามอบให้ตำรวจ พร้อมไปตามนัดเพื่อเจราค่าเสียหาย
วันนี้ (31 ม.ค.) พ.ต.ท. พิชัย เชิดชู รองผู้กำกับการการสอบสวน สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนเปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปอุบัติเหตุชนแล้วหนี เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 31 ธ.ค.2559 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.40 น. รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชชิ ปาเจโร สีขาว ได้วิ่งเสียหลักเบียดเข้ากระแทกรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมกซ์ หมายเลขทะเบียน ตม 9938 กรุงเทพฯ ทำให้เสียหลักพลิกคว่ำหลายตลบก่อนข้ามเลนไปชนกับรถยนต์เก๋งที่วิ่งสวนทางมา เหตุเกิดบริเวณถนนราชสีมา-ปักธงชัย ฝั่งขาออก บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านไชยมงคล ต.ไชยมงคล อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสรวม 3 ราย หลังเกิดเหตุชายคนขับรถยนต์ปาเจโร่ และหญิงสาวที่นั่งโดยสารมาได้เดินลงไปดูเหตุการณ์เป็นเวลานานกว่า 2 นาที ก่อนที่ทั้งสองคนจะรีบขึ้นรถขับหลบหนีไปโดยไม่ยอมให้การช่วยเหลือคู่กรณีแต่อย่างใดว่า
ล่าสุดเจ้าของรถยนต์ปาเจโร่คันที่ก่อเหตุได้นำรถยนต์ไปส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนแล้ว พร้อม โดยเจ้าของรถยนต์ปาเจโร่เป็นผู้หญิง และเป็นชาวจังหวัดชัยภูมิ แต่รถยนต์จดทะเบียนกับขนส่งจังหวัดนนทบุรี พร้อมยอมรับว่า เป็นรถยนต์คู่กรณีที่เกิดเหตุในวันดังกล่าวจริง แต่ตนเองไม่ได้เป็นคนขับรถ โดยคนขับเป็นผู้ชายที่เป็นเครือญาติกัน เจ้าหน้าที่จึงได้ออกหมายเรียกให้คนขับรถในวันเกิดเหตุมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 3 ก.พ.นี้เวลา 09.00 น. แต่หากจะเดินทางมาก่อนก็มาได้ แต่หากเดินทางมาหลังวันที่ 3 ก.พ. พนักงานสอบสวนจะออกหมายจับต่อไป
พ.ต.ท. พิชัย กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบสภาพรถปาเจโร่ในเบื้องต้นพบมีร่องรอยการเฉี่ยวชนเล็กน้อยบริเวณกันชนท้ายฝั่งด้านคนขับ บริเวณล้อแม็กซ์ด้านหลังขวา และบริเวณยางล้อหน้าด้านขวา ซึ่งเจ้าหน้าที่วิทยาการได้เข้ามาตรวจสอบเพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติมไปแล้ว
ทั้งนี้พนักงานสอบสวนทราบชื่อคนขับรถปาเจโร่ในวันเกิดเหตุแล้ว คือ นายวสันต์ อังคุนันท์ อายุ 34 ปี รับราชการเป็นทหารเรือ ยศชั้นประทวน สังกัดหน่วยทหารเรือแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ซึ่งจากการพูดคุยทางโทรศัพท์เบื้องต้นนายวสันต์ให้การยอมรับว่าเป็นคนขับรถปาเจโร่ในวันเกิดเหตุจริง และได้ประสานขอเข้าให้ปากคำ และรับทราบข้อกล่าวกับพนักงานสอบสวนภายในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ตามหมายนัดแล้ว ทางตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาดำเนินคดี 3 ข้อหาหนัก ประกอบด้วย ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ขับรถเกิดอุบัติเหตุแล้วหลบหนีโดยไม่ให้การช่วยเหลือ และทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์
พ.ต.ท.พิชัย กล่าวว่า คดีนี้น่าจะปิดได้ไม่ยาก เพียงแต่รอขั้นตอนให้ถูกต้องเท่านั้น เพราะผู้ก่อเหตุก็ยอมรับสารภาพ ส่วนค่าเสียหายนั้นให้คู่กรณีไปเจรจากันเอง รวมถึง เจ้าของรถยนต์แคมรี่ที่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ให้ไปเจรจากัน แต่หากตกลงกันไม่ได้หรือต้องการให้ตำรวจเป็นคนกลางในการเจรจาก็ยินดีที่จะพูดคุยให้
ด้าน น.ส.ชมพูนุช น้องสาวนายธงชัย บุญมีบุตร ผู้เสียหายที่ขับรถกระบะ กล่าวว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ให้เดินทางไปที่ สภ.โพธิ์กลางในวันที่ 3 ก.พ.นี้ เพื่อเจรจาเรื่องคดีดังกล่าว กับคู่กรณี ส่วนเวลาจะนัดหมายอีกครั้ง หลังเกิดเหตุชีวิตของพี่ชายและครอบครัวลำบากมาก ไม่มีรถขับไปทำงาน และยังต้องดูแลหลานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้ง 2 คน เสียสุขภาพจิต และเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยายามไปแล้วกว่า 1.5 แสนบาท และต้องคอยตามคดีมาตลอดจนถึงวันนี้ ซึ่งค่าเสียหายนั้นจะต้องปรึกษากันอีกครั้งกับครอบครัวพี่ชายว่าจะเรียกร้องเท่าไร อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสังคมโซเชียลที่ช่วยกันแชร์กดดันให้คู่กรณีนำรถยนต์ก่อเหตุมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทำให้ผู้เสียหายคือครอบครัวของพี่ชายตนเองได้รับความเป็นธรรม
