กองทัพภาคที่ 2 สั่งหน่วยทหารในอีสานคุมเข้มทุกพื้นที่ ทั้งสถานที่ราชการ บ้านพักบุคคลสำคัญ และแหล่งท่องเที่ยว กำชับด่านตรวจความมั่นคงทั้ง 22 แห่งตรวจเข้ม เน้นหาวัตถุระเบิดและอาวุธ เผยจนถึงขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติเกิดขึ้นแต่อย่างใด สั่งหน่วยทหารอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือดูแลครอบครัวผู้สูญเสีย ชี้ชาวอีสานยังใช้ชีวิตปกติไม่ตื่นตระหนก เฝ้าติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด
วันนี้ (19 ส.ค.) พล.ต.ประวิทย์ หูแก้ว รองแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ราชประสงค์ และเกิดระเบิดซ้ำขึ้นอีกในย่านสาธร กรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวติจำนวนมากนั้น กองทัพภาคที่ 2 โดย พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้หน่วยทหารทุกหน่วยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มมาตรการคุมเข้มในพื้นพื้นที่ โดยเฉพาะสถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ หน่วยที่ตั้งทหาร บ้านพักบุคคลสำคัญ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว ติดตามหาข่าวความเคลื่อนไหวในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้ด่านความมั่นคงที่มีการสนธิกำลังทหาร ตำรวจ และพลเรือนทั้ง 22 ด่านในเส้นทางสายหลักทั่วภาคอีสาน ให้เพิ่มมาตรการตรวจเข้มขั้นสูงสุด เน้นการตรวจวัตถุระเบิด อาวุธอื่นๆ ที่อาจนำไปใช้ก่อเหตุได้
ทั้งนี้ให้ใช้กำลังในพื้นที่เป็นหลัก หากไม่เพียงพอสามารถรองขอมายังกองทัพภาคที่ 2 ได้ โดยให้มีการประสานงานกับตำรวจและฝ่ายปกครองในท้องที่เพื่อสนธิกำลังในการเพิ่มมาตรการตรวจตราสถานที่สำคัญ และแหล่งท่องเที่ยวที่มีประชาชนมารวมตัวกันจำนวนมาก จนถึงขณะนี้ในพื้นที่ภาคอีสานยังไม่มีรายงานว่ามีสิ่งบอกเหตุใด ๆ ที่จะนำไปสู่การก่อความไม่สงบขึ้นหรือมีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในกรุงเทพฯ ทุกอย่างยังเป็นปกติดี
พล.ต.ประวิทย์ กล่าวว่า ประชาชนชาวอีสานยังมีขวัญกำลังใจที่ดี ส่วนใหญ่จะเฝ้าติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ผ่านสื่อมวลชนและโซเชียลเน็ตเวิร์ค ขณะที่กลุ่มการเมืองเก่าก็ยังไม่พบการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ส่วนญาติของผู้เสียชีวิต ได้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่เข้าไปติดต่อญาติและดูแลช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกพร้อมรายงานให้ทราบตลอด พล.ท.ประวิทย์ กล่าวในที่สุด