ผอ.รร.เตรียมอุดมน้อมเกล้าโคราชรพร้อมรอง ผอ.และผู้ปกครองนักเรียน โร่แจ้งความเอาผิดผู้โพตส์ข้อความทำให้เสียหายกรณีถูก นายกฯ อบจ.ย้ายด่วน พร้อมเรียกร้องขอความเป็นธรรมเหตุถูกย้ายไม่มีเหตุผล ลั่นขอให้มีการไต่สวนสาธารณะ พ้อรู้สึกท้อและเสียกำลังใจ เผยหากสอบนานเป็นปีไม่ขอยึดอาชีพครูอีก ด้านทหารนัดเคลียร์พรุ่งนี้
วันนี้( 18 พ.ค. ) ที่สถานีตำรวจภูธรตำบลโพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายไพศาล มีสวัสดิ์ อายุ 58 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา และรองประธานชมรมผู้ปกครอง รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนปากช่อง2 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยนายชาติ เงินจังหรีด อดีตรองผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเตรียบอุดมน้อยเกล้าฯ กว่า 10 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ประภาส มะเริงสิทธิ์ รอง ผกก.(สอบสวน.) สภ.โพธิ์กลาง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับสื่อมวลชนท้องถิ่นรายหนึ่งที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวและแชร์ผ่านกลุ่มข่าวเรื่องเล่าข่าวโคราช ทำให้เกิดความเสียหายกรณีที่ตนเองถูกย้ายโดยอ้างว่ามีการเรียกรับเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะจากผู้ปกครองเด็กรายละ 2-3 หมื่นบาทผ่านสมาคมหนึ่งฯ และยังมีข้อความอื่นที่เป็นการใส่ความให้เกิดความเสียหาย เสียชื่อเสียงทั้งที่ไม่เป็นความจริง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับผู้โพสต์ในข้อหา “ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและข้อหาอื่นตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
พ.ต.ท.ประภาส กล่าวว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้แล้ว จะทำการสืบสวนก่อนจะเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ ยืนยันว่าจะทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
ด้านนายไพศาล มีสวัสดิ์ อดีต ผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมน้อมเกล้า นครราชสีมา กล่าวว่า วันนี้ได้ปกป้องสิทธิของตนเองเนื่องจากการโพสต์ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความเจริงทำให้ตนเองได้รับความเสียหาย จากนี้คงต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการสอบสวนและดำเนินการกับผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อไป ซึ่งตนไม่เคยรู้จักกับผู้ที่โพสต์ทราบเพียงว่าเป็นสื่อมวลชนท้องถิ่นเท่านั้น
นายไพศาล ยังเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีถูกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม จากคำสั่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาที่ 1922/2559 ลงนามโดย ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เรื่องแต่งตังผู้รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถานศึกษาและรองผู้อำนวยการสถานศึกษา โดยมีคำสั่งให้ตนไป ให้ไปรักษาการแทนผู้อำนวยการโรงเรียนปากช่อง 2 และนายชาติ เงินจังหรีด รองผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาฯ ไปรักษาราชการแทนรองผู้อำนวยการโรงเรียนปราสาทวิทยาคม แต่ตั้งวันที่ 3 พ.ค. 2559 ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 พ.ค. 2559 โดยในคำสั่งไม่มีการระบุสาเหตุของการโยกย้ายแต่อย่างใด ซึ่งการย้ายครั้งนี้ทำอย่างเร่งด่วนและอาจดูไม่ปกติ เพราะเป็นการย้ายนอกฤดูกาล แต่ตนก็ยินดีไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง แต่อยากเรียกร้องไปยังผู้ปกครอง ประชาชนทั่วไปหรือสื่อมวลชนว่า ที่ตนมาแจ้งความเพื่ออยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมในฐานะที่เป็นข้าราชการคนหนึ่ง ตนได้รับความเสียหายอย่างยิ่งจากการที่มีผู้เผยแพร่ในเฟซบุ๊คกล่าวหาเรื่องเกี่ยวกับการเรียกรับผลประโยชน์ เรื่องรับเงินแป๊ะเจี๊ยะ เรื่องการใช้เงินไม่โปร่งใส ซึ่งไม่เป็นความจริง การถูกโยกย้ายแต่งตั้งเป็นเรื่องธรรมดา แต่การย้ายรอบนี้ไม่น่าจะปกตินัก เพราะไม่ใช่ฤดูการโยกย้าย ที่สำคัญคือการย้ายก็ไม่มีเหตุผลชัดเจนว่า ทำอะไรผิดย่างไร เพราะโดยปกติทั่วไปหากจะให้ความเป็นธรรมต้องตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเสียก่อน ถ้าตนทำผิดก็สามารถย้ายได้ และตนจะไม่คิดที่จะอุทธรณ์ ส่วนที่นายก อบจ.บอกว่าดั้งคณะกรรมการสอบภายในขึ้นมาหากผลสอบไม่ผิดก็สามารถกลับมาที่เดิมได้นั้น ขอขอบคุณท่านนายกฯ แต่ไม่ทราบว่าในอนาคตต่อไปจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ และตนเรียนว่าถ้ายาวนานไปถึง 1 ปีขึ้นไปตนก็ขอไม่กลับมาที่นี่อีก ส่วนจะลาออกหรือไปอยู่โรงเรียนอื่นนั้น ตนคิดว่าถ้าเกิน 1 ปีตนไม่สามารถจะแก้ไขหรือทำสิ่งที่ตนกำหนดได้ ตนก็จะกลายเป็นจำเลย ฉะนั้นอาจจะขอไปขอโรงเรียนเล็กๆ หรือไม่ก็อาจจะลาออกจากราชการไปเลย
นายไพศาล กล่าวต่อว่า การสอบสวนข้อเท็จจริงต่างๆ นั้นตนอยากให้มีการไต่สวนสาธารณะ ต้องการความเป็นกลาง เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตนคนเดียวแล้ว แต่มีทั้งผู้ปกครองทุกคนและนักเรียนที่มีส่วนร่วม ยอมรับว่าการย้ายครั้งน้ำให้รู้สึกท้อแท้ใจและเสียกำบังใจ แต่ก็ต้องทำหน้าที่ไป
นายไพศาล กล่าวอีกว่า ตนเองเป็นผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อมุ่งหวังให้เป็นโรงเรียนดีมีคุณภาพของจังหวัดนครราชสีมา โรงเรียนมีค่าใช้จ่ายปีละ 20 ล้านบาท ได้รับการาจัดสรรงบจาก อบจ.มาปีละประมาณ 10 ล้านบาท ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับครบมีปี 2558 ที่ได้เงินเต็มจำนวน และเงินส่วนอื่นเป็นความช่วยเหลือของผู้ปกครองผ่านชมรมผู้ปกครองโรงเรียนฯ ที่มีความเห็นและข้อตกลงร่วมกันว่า ยินดีจ่ายเงินเข้าชมรมคนละ 15,000 บาทเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาด้านการศึกษาของลูกหลาน เช่นเรื่องการสร้างหอพัก, การจ้างครูพิเศษ, ด้านการพยาบาลเป็นต้น โดยตั้งแต่ปี 2552 (ก่อตั้งโรงเรียน) จนถึงปัจจุบันรวมเป็นเงินกว่า 70 ล้านบาท ซึงทุกปีเงินที่ได้จากชมรมผู้ปกครองก็ถูกใช้หมดไปกับสิ่งเหลานี้ ยืนยันว่าทุกบาททุกสตางต์กลับคืนสู่ลูกหลานทั้งหมด และตนไม่เคยเรียกรับหรือรับประโยชน์จากเงินที่ผู้ปกครองเสียไปแต่อย่างใดและการบริหารงานชมรมก็เป็นไปด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ มีคณะกรรมการ 15 คนจำนวนนี้ 2 คนเป็นครูในโรงเรียนซึ่งการตั้งชมรมผู้ปกครองฯ ขึ้นก็เป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญเรื่องของการมีส่วนร่วมไม่ได้เป็นการจัดตั้งขึ้นมาลอย ๆ แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามยืนยันว่าทุกเรื่องทำไปด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ และอยากเรียกร้องให้มีการไต่สวนสาธารณะในเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความกระจ่างและเป็นธรรม นายไพศาล กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ค.) เวลา 10.30 น. ตัวแทนทหารได้นัดเจรจาทางจังหวัด อบจ. และผู้ปกครองนักเรียนพร้อมรวมถึงอดีตผอ.โรงเรียนฯ ที่ถูกย้ายเพื่อหาทางออกและข้อยุติร่วมกันที่ มทบ.21 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา