เปิดชีวิตแม่ชาวนาโคราชผู้อดทน ดูแลเลี้ยงลูกชายพิการไม่เคยห่างมานาน 16 ปี แม้ในวันแม่หลายครอบครัวจะไปเที่ยว แต่แม่ชาวนาคนนี้ยังคงทำหน้าที่ดูแลลูกไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ทุกวันต้องป้อนอาหารผ่านสายยาง ต้องเจาะคอหายใจ ไม่เคยได้ยินแม้คำว่าแม่จากปากลูก ยังรักเอาใจใส่ดูแลเสมอ ขอเพียงลูกอยู่กับลูกให้นานที่สุด
วันนี้ (12 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันแม่แห่งชาติวันนี้ หลายครอบครัวต่างพาแม่เดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนและรับประทานอาหารตามสถานที่ต่างๆ หรือแม่บางคนพาลูกน้อยร่วมกิจกรรมที่ทางหน่วยงานรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือภาคเอกชนจัดขึ้น แต่แม่อย่าง นางสุกัญญา นาดี วัย 44 ปี แม่ชาวนาคนนี้ ยังคงต้องคอยป้อนอาหารเหลวที่ทำขึ้นเองผ่านสายยางให้กับลูกชายวัย 16 ปี คือ ด.ช.กฤตวัฒน์ นาดี หรือน้องนนท์ที่พิการน้ำท่วมสมอง แขนขาอ่อนแรง ชักเกร็ง พูดไม่ได้อยู่ในบ้านหลังเก่าชั้นเดียวเลขที่ 206 ม. 12 บ้านหนองม่วง 2 ต.หนองมะนาว อ.คง จ.นครราชสีมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้สุกัญญา แม่ชาวนาคนนี้รู้สึกน้อยใจ เธอยังคงดูแลเอาใจใส่ลูกชายไม่เคยห่างและมีความสุขกับการได้อยู่กับลูก
นางสุกัญญา แม่ชาวนาผู้อดทน เล่าว่า น้องนนท์ เป็นลูกชายคนโต เกิดมามีอาการผิดปกติคือตาปูนกว่าเด็กทั่วไปและเยื้อหุ้มศีรษะไม่มี ต่อมาอายุได้ 2 เดือน เกิดอาการชักเกรง แพทย์บอกว่าเป็นอาการน้ำท่วมสมอง แขนขาอ่อนแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องเจาะคอใส่สายยางเพื่อระบายน้ำออกจากสมอง และต้องให้อาหารทางสายยางผ่านหน้าท้องไปตลอดชีวิต ลูกพูดไม่ได้ กลายเป็นเด็กพิการ ช่วงนั้นชีวิตลำบากมาก อยู่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมานานค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็เพิ่มขึ้น ตนเองพยายามประหยัดทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ แม้กระทั่งกางเกงผ้าอ้อมของลุกที่ต้องใส่ไว้ตลอดเวลามีราคาค่อนข้างแพง ก็จะเอาถุงพลาสติกรองอีกชั้น เมื่อเวลาลูกอุจจาระก็เปลี่ยนเฉพาะถุงพลาสติกออก และต้องมัดถุงพลาสติกไว้กับอวัยวะเพศลูกเพื่อเวลาลูกปัสสาวะจะได้ไม่เลอะกางเกงผ้าอ้อมยืดอายุการใช้งานผ้าอ้อมไปได้นานไม่ต้องเปลือง เพราะฐานะครอบครัวเรายากจน และขอแพทย์เอาลูกมาดูแลที่บ้างเอง โดยแพทย์บอกสูตรทำอาหารเหลวให้และแนะนำวิธีดูแลลูก หากไม่จำเป็นจริงๆ ตนจะไม่พาลูกไปนอนรักษาที่โรงพยาบาลเพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก ครอบครัวที่เดินทางไปเยี่ยมก็ล้วนมีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น
นางสุกัญญา กล่าวว่า น้องนนท์ เป็นเด็กที่พิการมากกว่าเด็กทั่วไป แม้แต่แม่ยังเรียกเราไม่ได้ เคยมองลูกคนอื่นเขาพิการก็ยังพูดได้ แต่ลูกเราบอกอะไรไม่ได้เลย บางครั้งมองดูลูกร้องไห้เพราะรู้สึกสงสาร น้อยใจในโชคชะตาตัวเอง แม้แต่ข้าวที่เราปลูกลูกก็กินไม่ได้ เพราะน้องนนท์ต้องกินอาหารปั่นเหลวสูตรพิเศษเท่านั้น เพื่อให้ได้สารอาหารที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา ตนไม่เคยห่างลูกไปไหนไกล เพราะเราเป็นเพียงคนเดียวที่จะความรู้สึกของลูกได้ และต้องคอยสังเกตอาการของลูกอยู่ตลอด เวลาเค้าไม่สบาย หรือ ปวดท้อง ระบบขับถ่ายไม่ดี ก็ต้องสังเกตเอง โดยใช้สัญชาติญาณของความเป็นแม่ที่สื่อถึงลูกจะทำให้เรารับรู้ได้ เวลาต้องห่างไปทำนาก็จะรีบกลับมาหาลูกถึงเวลาให้อาหารผ่านสายยางก็ต้องกลับมาทำเองและป้อนลูกเอง แม้ว่าลูกจะพิการ ฐานะครอบครัวยากจนแค่ไหน ก็ไม่เคยคิดทอดทิ้งลูก และจะเลี้ยงดูแลลูกคนนี้ไปตราบเท่าชีวิตของแม่คนหนึ่งจะเหลืออยู่
นางสุกัญญา กล่าวอีกว่า วันหนึ่งขณะป้อนอาหารทางสายยางให้น้องนนท์เกิดอุบัติเหตุหลอดอาหารแตกและบาดที่ข้อมือขวาทำให้เอ็นขาด ส่งผลให้อุ้มลูกลำบากขึ้น และแขนไม่มีแรงทำงานและดูแลลูกไม่สะดวก ทุกวันนี้ครอบครัวมีเงินจากการที่พ่อน้องนนท์ออกไปรับจ้างได้เงินมาไม่พอเลี้ยงครอบครัวที่มีทั้งหมดรวม 5 ปากมีน้องสาวของน้องนนท์อีก 2 คน บางครั้งต้องไปหยิบยืมเพื่อนบ้านและกู้เงิน ธกส. มีหนี้สินกว่า 50,000 บาท ทำนาก็ไม่ได้มากใช้หนี้ ธกส. ยังไม่หมด รายได้จากเบี้ยคนพิการก็ไม่พอใช้จ่าย ซึ่งตอนนี้มีชมรมรื่นจิตอาสา ของกลุ่มบริษัทไฟว์สตาร์ นครราชสีมาเข้ามาช่วยเหลืออาหารเหลว และกางเกงผ้าอ้อมให้ทุกเดือน
สำหรับผู้ที่ต้องการให้ความ ช่วยเหลือครอบครัว “น้องนนท์” สามารถติดต่อนายไพศาล เกียรติชัยพัฒน กำนันตำบลเมืองคง ประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อ.คง จ.นครราชสีมาได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 089-848-5787
