พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ประจำปีการศึกษา 2557 จำนวน 2,332 คน ในการนี้ มหาวิทยาลัยทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างใหญ่หลวงแก่พสกนิกร
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (13 ต.ค.) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งถึงอาคารสุรพัฒน์ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา เพื่อประกอบพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ประจำปีการศึกษา 2557โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน นายกสภามหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย เฝ้าฯ รับเสด็จฯ
ในการนี้ นายกสภามหาวิทยาลัยเข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยความตระหนักและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในด้านการแพทย์และสาธารณสุข ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างใหญ่หลวงแก่พสกนิกร และพระปรีชาสามารถที่ประจักษ์ชัด ประกอบกับปีนี้เป็นปีมหามงคลฉลองพระชนมายุ 60 พรรษา เพื่อเฉลิมพระเกียรติคุณให้ปรากฏและเพื่อความเป็นสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลอันสูงยิ่งแก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีสืบไป
สำหรับพิธีพระราชทานปริญญาบัตรในปีนี้ มีผู้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จำนวน 2 ราย ได้แก่ ศาสตราจารย์ อี้ฟาง หวัง ปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาฟิสิกส์ และ นายทักษิณ อาชวาคม วิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาชีววิทยาสิ่งแวดล้อม ผู้เข้ารับพระราชทานรางวัลเกียรติคุณเข็มกิตติการทองคำและโล่กิตติการ จำนวน 1 ราย ได้แก่ นางเปรมพิมล พิมพ์พันธุ์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้เข้ารับพระราชทานรางวัลเกียรติคุณเข็มกิตติการทองคำ จำนวน 1 ราย ได้แก่ นายธงชัย ลืออดุลย์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีก่อตั้งมาครบปีที่ 25 แห่งการสถาปนา โดยเปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรี รวม 37 หลักสูตร ระดับปริญญาโทและปริญญาเอก รวม 74 หลักสูตร ในปีการศึกษา 2557 มีผู้สำเร็จการศึกษาจากสำนักวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการเกษตร วิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีสังคม แพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ และจากสถาบันการบินพลเรือน ซึ่งเป็นสถาบันสมทบของมหาวิทยาลัย เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรทั้งสิ้น 2,332 คน ประกอบด้วย ดุษฎีบัณฑิต รุ่นที่ 16 จำนวน 79 คน มหาบัณฑิต รุ่นที่ 17 จำนวน 225 คน บัณฑิต มทส. รุ่นที่ 19 จำนวน 1,711 คน รวมถึง มหาบัณฑิต รุ่นที่ 1จำนวน 4 คน และบัณฑิต รุ่นที่ 15 จำนวน 313 คน จากสถาบันการบินพลเรือน ซึ่งเป็นสถาบันสมทบของมหาวิทยาลัย ในจำนวนนี้มีผู้ได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งและได้คะแนนยอดเยี่ยม เข้ารับพระราชทานเข็มทองคำ จำนวน 26 คน
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาทแก่บัณฑิต ความว่า “…บัณฑิตทั้งหลายได้ศึกษาเล่าเรียนมาครบถ้วนตามหลักสูตรแล้ว ย่อมมีความหวังตั้งใจอยู่ทั่วกัน ที่จะนำความรู้ที่มีอยู่ไปใช้ประกอบอาชีพการงานให้บังเกิดประโยชน์แก่ตน แก่สังคม และประเทศชาติ แต่ก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ว่า เมื่อจะนำความรู้ไปปฏิบัติใช้นั้น บางครั้งบางคนกลับรู้สึกติดขัด ไม่สามารถกระทำการให้สำเร็จประโยชน์ได้ดังใจ ที่เป็นดังนี้ อาจเนื่องมาจากสาเหตุหลัก 2 ประการ คือความรู้ที่มีอยู่ไม่กว้างขวางลึกซึ้งเพียงพอ กับความสามารถในการปรับใช้ความรู้ให้เหมาะแก่งานต่าง ๆ ยังด้อยอยู่ ทำให้ไม่อาจนำความรู้ไปใช้ประกอบการอย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัวได้ บัณฑิตทุกคนจึงควรถือเป็นหน้าที่อย่างสำคัญ ที่จะต้องศึกษาเพิ่มเติมให้มีความรู้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในสาขาวิชาที่เล่าเรียนมา และมีความรู้กว้างขวางมากขึ้นในสาขาวิชาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งต้องติดตามความก้าวหน้าของวิชาการด้านต่าง ๆ อยู่เสมอ พร้อมกันนั้น ก็หมั่นนำความรู้มาฝึกหัดปฏิบัติให้บังเกิดผล โดยพิจารณาให้เข้าใจชัดถึงลักษณะของงานที่ทำ แล้วนำหลักวิชาที่เหมาะสมมาปรับใช้ให้ถูกตรง ถ้าทำได้ดังนี้ ก็เชื่อว่าบัณฑิตจะสามารถนำความรู้ไปใช้ปฏิบัติการต่าง ๆ ให้สำเร็จผลเป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนแก่ชาติบ้านเมืองได้ดังที่ปรารภปรารถนา”