กลุ่มค้านแยกโคราชตั้ง “จ.บัวใหญ่” บุกยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าฯ ขอให้กลุ่มผลักดันตั้งจังหวัดใหม่ยุติบทบาท สร้างความขัดแย้งแตกแยกให้ชาวโคราช เผยมีผู้ไม่หวังดีเสนอตั้งชื่อจังหวัด “ภูมิพล” มิบังควรอย่างยิ่ง ด้านผู้ว่าฯระบุทำหนังสือขอให้ชะลอออกไปแล้ว ชี้ชาวโคราชอยู่ในช่วงไว้อาลัยและต้องการความปรองดอง เมื่อถึงเวลาเหมาะสมค่อยหยิบยกขึ้นมาพิจารณาใหม่ และต้องสอบถามชาวโคราชทั้ง 32 อำเภอว่าเอาด้วยหรือไม่
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่ห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมากลุ่มคัดค้านแบ่งแยกจังหวัดนครราชสีมาจัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ ร่วม 10 คน นำโดยนายศุภฤกษ์ อริยปรัชญา และ ร.ต.พงศภัค ภูริสิทธิพล แกนนำกลุ่มคัดค้านจังหวัดบัวใหญ่ ได้เข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกต่อนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 2 ฉบับ ประกอบด้วย 1. เรื่องการชี้แจงข้อเท็จจริงในการจัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ และ 2. ขอคัดค้านจังหวัดภูมิพล และให้ฝ่ายแบ่งแยกฯ ยุติบทบาทในการเคลื่อนไหวเรื่องดังกล่าว
จากนั้นนายวิเชียรได้เรียกแกนนำเข้าไปหารือภายในห้องทำงานโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์แต่อย่างใด ใช้เวลานานกว่า 45 นาที แกนนำกลุ่มจึงเดินกลับออกมาก่อนเดินทางไปยื่นหนังสือเดียวกันให้กับ พล.ท.วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 ที่ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ต่อไป
ร.ต.พงศภัค ภูริสิทธิพล หนึ่งในแกนนำกลุ่มคัดค้านจังหวัดบัวใหญ่ เปิดเผยว่า ด้วยกลุ่มผู้ผลักดันแบ่งแยกจังหวัดนครราชสีมาเพื่อจัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ ได้โพสต์ข้อความว่า “ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการและยกร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ พ.ศ. … โดย สนช. เพื่อเข้าสู่วาระที่ประชุมสภา ในปี 2560” ลงในสื่อโซเชียลมีเดียและออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ประชาชนทั้งจังหวัดเกิดความสับสน เข้าใจผิด และนำมาซึ่งความขัดแย้ง แตกแยกของประชาชนในที่สุด
นอกจากนี้ ทางกลุ่มผู้ผลักดันแยกจังหวัดบัวใหญ่ได้มีแนวความคิดในการเปลี่ยนชื่อจาก “จังหวัดบัวใหญ่” เป็น “จังหวัดภูมิพล” แทน อันเป็นการมิบังควรอย่างยิ่งและไม่มีความเหมาะสม นำมาซึ่งความขัดแย้งของคนในจังหวัดนครราชสีมาและพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
ด้านนายศุภฤกษ์ อริยปรัชญา หนึ่งในแกนนำกลุ่มคัดค้านฯ กล่าวว่า การเดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาในครั้งนี้เพื่อต้องการเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ แจ้งไปยังนายอำเภอทั้ง 8 อำเภอที่จะมีการแยกไปตั้งเป็นจังหวัดใหม่ พร้อมประชาสัมพันธ์และชี้แจงไปยังประชาชนในพื้นที่ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้ 1. ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เรียกนายอำเภอเพื่อตรวจสอบเอกสารสำเนาบัตรประชาชนคนในพื้นที่ ที่กลุ่มดังกล่าวนำไปใช้อ้างอิงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จำนวน 20,000 รายชื่อ ให้มีความชัดเจน 2. กรณีจัดตั้งจังหวัดบัวใหญ่ นั้นยังไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรว่า ด้วยเรื่องกฎหมายต่างๆ อย่างชัดเจน 3. กรณีที่มีกลุ่มบุคลกลุ่มหนึ่งได้โพสต์ข้อความลงในสื่อโซเชียลฯ และออนไลน์อย่างต่อเนื่องนั้นยังไม่มีความถูกต้อง และไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด เป็นเพียงเนื้อหากล่าวอ้างขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่หลงเชื่อ และคล้อยตามแล้วนำมาซึ่งข้อมูลที่ผิดๆ และ 4. ขอให้กลุ่มดังกล่าวหยุดการเคลื่อนไหวต่างๆในพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ และเร่งสร้างความเข้าใจในแนวทางอย่างถูกต้อง ชัดเจน ตรงไปตรงมา เพื่อให้เกิดความรัก ความสมัครสมานสามัคคี เหมือนเช่นเดิม
นายศุภฤกษ์กล่าวอีกว่า ในกรณีที่มีคนบางกลุ่มเสนอให้มีการเปลี่ยนชื่อจังหวัดบัวใหญ่เป็นจังหวัดภูมิพลแทน นั้น ถือเป็นการมิบังควรและไม่มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง ทางกลุ่มฯ มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์บ้านเมืองในพื้นที่ว่า จะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นจากเดิม และยังอยู่ในช่วงเวลาสถานการณ์เศร้าโศกต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทางรัฐบาลประกาศไว้ทุกข์ 1 ปี แต่กลุ่มดังกล่าวกลับเคลื่อนไหวให้เกิดความแตกแยกได้
ขณะที่นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งทางจังหวัดเข้าใจทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการไว้อาลัยพระบรมศพ ในหลวง ร.๙ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ต้องสร้างความปรองดอง ความรักสามัคคีให้เกิดขึ้น หากมีการหยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมาหารือจะเป็นการสร้างความแตกแยก ทางจังหวัดฯ ได้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ชะลอเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน ประกอบกับขณะนี้เรายังไม่มีรัฐธรรมนูญ และหากจะดำเนินการต้องสอบถามความคิดเห็นของประชาชนทั้ง 32 อำเภอ ไม่ใช่เฉพาะ 8 อำเภอเท่านั้น
“สรุปว่าขณะนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาดำเนินการ ขอให้ผ่านช่วงไว้อาลัยไปก่อนแล้วค่อยมาหารือกันอีกครั้ง” นายวิเชียรกล่าวในตอนท้าย
