ฮือฮา! ร้านอาหารตามสั่งโคราชใจใหญ่ให้เยอะที่สุดในประเทศไทยได้มากกว่าร้านปกติกว่า 2 เท่าสวนกระแสศก.ซบ แถมรสชาติอร่อยราคาถูกลูกค้าแน่นทุกวัน เจ้าของเผยเปิดมานานร่วม 8 ปี ลูกค้ามากจนทำไม่ทัน ชี้ให้เยอะกว่าร้านอื่นทั้งข้าวและกับเหตุเห็นใจคนกินกลัวไม่อิ่ม หากกินไม่หมดเตรียมกล่องโฟมไว้ให้ห่อกลับบ้านด้วย ระบุได้กำไรน้อยแต่ภูมิใจที่ได้ทำ
วันนี้ (1 ต.ค.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านอาหารตามสั่งที่ประชาชนชาว จ.นครราชสีมา ทุกสาขาอาชีพต่างกล่าวขานถึงกันเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีการแชร์กันในสังคมออนไลน์อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจซบเซาและข้าวของทุกอย่างราคาแพงเช่นนี้ ต้องยกให้ “ร้านยาโภชนา” ร้านอาหารตามสั่งสวนกระแสที่ได้ชื่อว่าให้ทั้งข้าวและกับมากที่สุดในประเทศไทย แถมรสชาติอร่อยถูกใจ ลูกค้าประชาชน ลูกจ้าง พนักงาน ข้าราชการ และนักเรียนนักศึกษา แห่มาใช้บริการฝากท้องกันแน่นร้านทุกวัน จนทำไม่ทันให้บริการกันเลยทีเดียว
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง โดยร้านอาหาร “ยาโภชนา” ตั้งอยู่เลขที่ 358 ม. 3 ต.ตลาด อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นร้านเล็ก ๆ อยู่ริมถนนหมู่บ้าน เชื่อมระหว่างบ้านเกาะกับเขื่อนข่อยงาม ใกล้กับสถานีรถไฟบ้านเกาะ ลักษณะเป็นเพิงหลังคามุงด้วยสังกะสีก่อสร้างแบบเรียบง่าย ไม่มีจุดดึงดูดความสนใจใดๆ แต่กลับมีลูกค้าจำนวนมากมานั่งรอรับประทานอาหารแน่นร้านเต็มทุกโต๊ะ
นายปัญญา บริบูรณ์ อายุ 39 ปี เจ้าของร้านยาโภชนา กล่าวว่า เปิดร้านอาหารตามสั่งให้มากทั้งข้าวและอาหารแห่งนี้มานานร่วม 8 ปีแล้ว เริ่มแรกขายราคาจานละ 20-30 บาทเท่านั้น และมาปรับขึ้นเป็น 40-50 บาท เมื่อประมาณ 4-5 ปีแล้ว เนื่องจากราคาสินค้าแพงขึ้น แต่ก็เพิ่มทั้งปริมาณอาหารและข้าวให้ลูกค้ามากขึ้นเช่นกัน
เมนูอาหารตามสั่งที่ทางร้านทำมีเหมือนร้านอาหารตามสั่งทั่วไป แต่ที่ได้รับความนิยมและลูกค้าสั่งมากที่สุดจะเป็น ผัดกระเพราหมูกรอบราดข้าว กระเพราหมู ไก่ เครื่องในไก่ หมูยอ ไส้กรอก และปลาหมึก รวมถึงต้มยำ ส่วนวัตถุดิบทุกอย่าง ทั้งเนื้อ หมู ไก่ ผักต่างๆ ล้วนเป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ไม่ค้างคืนสดใหม่ทุกวัน
สิ่งสำคัญที่ลูกค้าประทับใจคือ ที่ร้านยาโภชนา จะให้ข้าวและกับข้าวมากกว่าร้านทั่วไปมากกว่า 2 เท่า โดย 1 จาน สามารถได้แบ่งเป็น 2 จานของร้านทั่วไป หากสั่งธรรมดาขายที่ราคาจานละ 40 บาท สั่งพิเศษราคาจานละ 50 บาท หากต้องการไข่ดาวหรือไข่เจียวเพิ่มอีก 5 บาท เท่านั้น และรสชาติอร่อยถูกใจทุกคน
นายปัญญา กล่าวต่อว่า ที่ขายข้าวและอาหารให้ลูกค้าปริมาณมากเป็นพิเศษเช่นนี้ เพราะตัวเองเคยไปกินข้าวร้านอื่น ๆทั่วไปมักต้องสั่งเพิ่มเป็นจานที่สอง เพราะจานเดียวกินไม่อิ่ม จึงเห็นใจลูกค้าเมื่อมาขายเองจึงให้มาก ๆทั้งข้าวและกับ เพื่อจะได้อิ่มเต็มที่ไม่ต้องสั่งเพิ่ม และหลายรายรายต้องหอข้าวอาหารที่เหลือเก็บไปทานต่อที่บ้านได้อีก ซึ่งทางร้านได้เตรียมกล่องโฟมห่อกลับไปกินบ้านไว้ให้บริการด้วย โดยไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด
ทั้งหมดนี้จึงทำให้ลูกค้าประทับใจแวะมาใช้บริการจำนวนมาก ทั้งลูกค้าขาประจำและขาจร โดยมีทุกกลุ่มสาขาอาชีพ ตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ประชาชน กรรมการ คนทำงานออฟฟิศ ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร และหัวหน้าส่วนราชการ เป็นต้น แต่หากมาในช่วงที่ลูกค้าหนาแน่นมาก เช่น ช่วงพักเที่ยงวัน ต้องนั่งรอนานถึงขั้นทางร้านต้องเขียนประกาศติดไว้หากรอไม่ไหวขอให้แจ้ง เพราะเห็นใจลูกค้าเช่นกันต้องรีบไปทำงานไม่มีเวลารอ แต่เนื่องจากปริมาณลูกค้าจำนวนมากเราก็ทำไม่ทัน แม้พยายามผัด 2 กระทะพร้อมกัน ก็ยังไม่ทันให้บริการและไม่มีเวลาได้นั่งพักเลย
“ตอนนี้เป็นช่วงเศรษฐกิจไม่ดีทางร้านยิ่งมีลูกค้ามากขึ้น จึงต้องสั่งวัตถุดิบ พวกเนื้อหมู ไก่ หมูกรอบมาเพิ่มอีก ซึ่งขายหมดทุกวันและบางวันไม่พอ แต่เนื่องจากทำได้เท่านี้เพราะไม่มีคนช่วย โดยร้านเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 07.00 น.-15.00 น. โดยประมาณ หากอาหารหมดก่อนก็ต้องปิดร้านก่อนเวลา” นายปัญญา กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า ขายอาหารให้เยอะขนาดนี้ได้กำไรหรือไม่ นายปัญญา กล่าวว่า พอได้กำไรบ้าง หากมีลูกค้ามากจะได้กำไรวันละประมาณ 1,000 บาท ไม่เกินนี้ หรือบางวันได้กำไรแค่ 300 บาทก็มี แต่เราภูมิใจเพราะเป็นกิจการของเรา หากไปรับจ้างก็ได้ไม่เกินวันละ 300 บาทอยู่แล้ว และดีใจที่ทำให้ลูกค้าได้อิ่ม ได้กินอาหารเต็มที่อย่างมีความสุข
แม้ครอบครัวตนจะไม่ได้มีฐานะอะไรและค่อนข้างยากจนด้วยซ้ำ เพราะทั้งบ้านและที่ร้านยังต้องอาศัยผู้ใจบุญให้อยู่ ไม่ได้คิดค่าเช่า เราแค่ลงทุนซื้อวัตถุดิบอาหารและข้าวเท่านั้น ซึ่งตนถือว่ามีงานทำเป็นกิจการของตัวเองและได้อยู่กับแม่ก็ดีใจแล้ว เป็นความสุขที่เราพอใจที่ได้ทำ นายปัญญา กล่าวทิ้งท้าย