ภาคเอกชนโคราชขานรับการเริ่มต้นโครงการรถไฟไทยจีน คาดราคาที่ดินจุดสถานีจอดพุ่งแน่ ด้านหอฯโคราชห่วง 3 เรื่องใหญ่หากเมืองเติบโต ทั้งน้ำ ขยะและการจราจร เตรียมประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องหารือก่อนเกิดปัญหาใหญ่ ด้านผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่อีสานชี้ ทำบรรยากาศเศรษฐกิจโคราชดี และทำความเจริญเกิดขึ้นอีก เชื่อไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ชี้ธุรกิจที่รับอานิสงค์โดยตรงคือ ภาคเกษตร การขนส่ง และอุตสาหกรรมฯ
นายไพจิตร มานะศิลป์ รองประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาฝ่ายการค้าและพาณิชยกรรม เปิดเผยกรณีรัฐบาลไทยและ รัฐบาลจีนร่วมทำสัญลักษณ์ การเริ่มต้นโครงการความร่วมมือรถไฟไทยจีนในการพัฒนารถไฟขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-เรือมาบตาพุด ระยะทาง 845.27 กม. และเส้นทางแห่งคอย-กรุงเทพฯ ระยะทาง 118.14 กม. ที่สถานีรถไฟเชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดี หลังมีข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นในแวดวงนักธุรกิจต่างตื่นตัวพูดคุยกันถึงเรื่องดังกล่าว เป็นอย่างมากเนื่องจากหลายฝ่ายรอคอยให้เกิดโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล ทั้งโครงการรถไฟรางคู่ โครงการรถไฟความเร็วปานกลางหรือความเร็วสูง และ โครงการมอเตอร์เวย์ ที่ผ่านมีข่าวความเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่อง แต่ครั้งนี้ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นว่าโครงการขนาดใหญ่ของรัฐจะเกิดเป็นรูปธรรม ที่สำคัญโครงการรถไฟยังเป็น 1 ใน 6 มาตรการที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดดำเนินการ จากข่าวทราบว่าวจะมีการประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการในเดือน มี.ค. และ เดือน พ.ค. 2559 จะเริ่มลงมือก่อสร้าง หากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจริงจะทำให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นศูนย์กลางโลจีสติกส์ของภาคอีสาน ซึ่งจะมีการขนส่งทั้งคนและสิ่งของ ฉะนั้นกรณีดังกล่าวจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดนครราชสีมาอย่างมาก และเชื่อว่ารถไฟจะตอบโจทย์ทุกอย่างในพื้นที่โคราชเป็นอย่างดี และจะทดแทนสิ่งที่โคราชไม่มีคือเครื่องบินพาณิชย์
นายไพจิตร กล่าวอีกว่า หากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจริงใน จะสามารถกระตุ้นธุรกิจภาคตั้ง ๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้ง ภาคอสังหาริมทรัพย์ และ ภาคอุตสาหกรรมที่จะดึงดูดความสนใจนักลงทุนเพิ่มขึ้นได้อีก อย่างไรก็ตามในระยะสั้น อาจจะมีผลต่อการปรับตัวของราคาที่ดินรอบ ๆ สถานีรถไฟ แต่คาดว่าจะเป็นลักษณะค่อย ๆ ปรับตัวมากกว่า ช่วงแรกอาจจะปรับขึ้นประมาณ 20-30 % เนื่องจากราคาที่ดินของจังหวัดนครราชสีมามีการปรับตัวมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะหลังจากห้างเซ็นทรัลประกาศปักธงในพื้นที่ จ.นครราชสีมาพบว่าราคาที่ดินปรับสูงขึ้นถึง100 %
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ภาคเอกชนมีความเป็นห่วงและกังวลอย่างมากขณะนี้คือ หากความเจริญเติบโตมากขึ้นต่อเนื่องปัญหาใหญ่ที่ชาวโคราชกำลังเผชิญและจะทวีความรุนแรงมากขึ้นคือ เรื่อง น้ำประปา ซี่งปัจจุบันมีปัญหาน้ำประปาไม่ไหลหรือไหลอ่อนมาก และยังไม่สะอาดน้ำค่อนข้างขุ่น และปัญหาด้านการจราจร ต้องมีการวางเผนรองรับการระบายคนเข้าออกบริเวณสถานีรถไฟ และการจราจรในตัวเมืองที่กำลังเป็นปัญหาในขณะนี้ และเรื่องสุดท้ายคือ เรื่องขยะล้นเมือง หากมีประชากรเข้ามาอาศัยมาก ปัญหาขยะก็จะสูงขึ้น ขณะนี้ขยะของทางเทศบาลยังหาที่ฝังกลบไม่ได้ ต้องนำไปฝากไว้กับกองทัพภาคที่ 2 ฉะนั้นเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มากต้องหาแนวทางในการแก้ปัญหาโดยเร่งด่วนทั้ง 3 เรื่องก่อนที่ทุกอย่างจะทะลักเข้ามาในจังหวัดนครราชสีมาและจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งหอการค้าฯ จะเป็นตัวกลางในการนัดหารือภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมแผนรองรับปัญหาใหญ่ทั้ง 3 เรื่องนี้คาดว่าจะมีการหารือกันหลักเทศกาลปีใหม่ 2559
ด้านนายสุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คลังคาซ่า จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของ จ.นครราชสีมาและภาคอีสาน เปิดเผยถึงเรื่องเดียวกันว่า ข่าวดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดี ทำให้บรรยากาศทางด้านเศรษฐกิจของจังหวัดนครราชสีมาดีขึ้น แต่เชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้ายังไม่ชัดเจนมากนักแต่เราได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ขณะนี้อยู่ในช่วงการฟื้นตัว หากมองโดยภาครวมจะทำให้มีความเจริญเกิดขั้นแน่นอน ขณะที่ราคาที่ดินคาดว่าจะปรับตัวเป็นจุด ๆคือบริเวณสถานีรถไฟมีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างแน่นอนแต่ในพื้นที่อื่น ๆเชื่อว่าจะไม่มีผล ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์อาจจะปรับราคาขึ้นบ้างแต่น้อยมากประมาณร้อยละ 1.5-2 เท่านั้น ซึ่งเป็นปัจจัยมากจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามหากมีการตอกเสาเข็มโครงการรถไฟจริงเชื่อว่าทุกอย่างจะขยับตัวเพื่อรองรับ โดยว่ธุรกิจที่จะได้รับอานิสงค์จากโครงการนี้โดยตรงคือ ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และการขนส่งสินค้า หรือระบบโลจีสติกส์จะทำให้การขนส่งทั้งการขนส่งมวลชนและการขนส่งสินค้าเกษตรไปยังพื้นที่ต่างๆ สะดวกมากยิ่งขึ้น นายสุดที่รักกล่าว