เปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วย 2 รายล่าสุดโคราช ทำยอดสะสมเป็น 9 ราย รักษาหาย 2 ราย ผู้ว่าฯ ระบุยังไม่ล็อคดาวน์จังหวัด ฮึ่มเอาผิดตาม กม.คนไม่รับผิดชอบสังคม ส่วนการปิดโรงเรียนให้อำนาจ ผอ. พิจารณา ห่วง นศ.ม.ราชภัฏโคราชกว่า 100 คนกลับจากฝึกงานใน พท.เสี่ยงเข้าพื้นที่ตรวจเข้ม
เมื่อช่วงสายวันนี้ (5 มกราคม 2564) ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครราขสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าฯ นายแพทย์นรินทร์รัตช์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นายแพทย์สายลักษณ์ พิมพ์เกาะ รอง ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา ร่วมกันแถลงถึงสถานการณ์การแพร่ระยาดของไวรัสโควิด19ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาโดยล่าสุดจังหวัดนครราชสีมา พบผู้ป่วยเพิ่มอีก 2 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 9 ราย แต่มีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 2 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 2 ราย รายแรก เป็นชาย อายุ 59 ปี อาชีพข้าราชการบำนาญ รายที่สอง เป็นหญิง อายุ 55 ปี ภรรยาของผู้ป่วยรายแรก ทำงานในสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 7 รายซึ่งกักตัวแล้ว โดยไทม์ไลน์ ทั้ง 2 ราย การเดินทางไปด้วยกัน วันที่ 18 ธ.ค. 63 ไป จ.นครสวรรค์ วันที่ 20 ธ.ค. 63 ไป จ.พิจิตร เยี่ยมบิดาที่ป่วย วันที่ 30 ฉลองปีใหม่กับญาติที่ จ.พิจิตร วันที่ 2 ม.ค. 64 กลับมาที่ จ.นครราชสีมา แต่ได้รับทราบข่าวว่าหลานชายที่ร่วมฉลองปีใหม่ด้วยกัน ติดโควิด-19 จึงเข้าตรวจหาเชื้อพร้อมภรรยาในวันที่ 4 ม.ค. 64 พบว่าติดเชื้อ ทั้ง 2 คน จึงเข้ารับการรักษาที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ซึ่งไทม์ไลน์อย่างละเอียดจะออกมาช่วงบ่ายวันนี้
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ไทม์ไลน์การเดินทางของผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 2 รายนี้ มีความซับซ้อน เดินทางไปหลายแหล่ง ซึ่งกำลังเร่งตรวจสอบเชิงลึกหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ อย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ตนเองได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกอำเภอ เอาจริง กับสถานที่ หรือพื้นที่เสี่ยง ที่ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับในการควบคุมโรคที่ทางจังหวัดกำหนด พร้อมออกประกาศการปฏิบัติตัวอย่างชัดเจนสำหรับผู้ที่เดินทางมายังจังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้จังหวัดนครราชสีมายังไม่ยกระดับการควบคุมโรคถึงขั้นการล็อคดาวน์จังหวัดแต่อย่างใด โคราชยังอยู่ในเฟส 1 คือพื้นที่ควบคุม แต่หากทุกภาคส่วนไม่ร่วมด้วยช่วยกันเราจะต้องล็อคดาวน์ สำหรับผู้ที่รู้ตัวเองว่าไปยังจังหวัดกลุ่มเสี่ยงแล้ว ยังไม่มีการกักตัวเองหรือรับผิดชอบต่อสังคม ได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่สอบสวนโรคไปแล้ว หากพบพฤติกรรมเช่นนี้ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย เพราะถือว่าเห็นแก่ตัวพาตัวเองไปแพร่เชื้อทั้งที่รู้อยู่แล้ว
ในส่วนการปิดสถานศึกษานั้น ให้เป็นอำนาจของ ผอ.รร.ในการพิจารณาในการปิดโรงเรียนหากพิจารณาว่าสถานการณ์เสี่ยงสูงโดยส้วนตัวมองว่าโรงเรียนเด็กเล็กควรปิดไปก่อนเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตามหากเกินอำนาจของ ผอ. รร.สามารถนำเสนอที่ประชุมของ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมาพิจารณาได้ทันที
นอกจากนี้รับแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาว่าจะมีนักศึกษาฝึกงานซึ่งไปลงไปฝึกงานในพื้นที่เสี่ยงสูง(สีแดง) จ.ชลบุรี และ จ.ระยองเป็นเวลานานนับเดือนจะเดินทางกลับโดยมีผู้ปกครองไปรับเองจำนวน60คน และทางมหาลัยฯส่งรถบัสไปรับอีก41ราย ได้ให้ทางราชภัฎฯ จัดสถานที่ กักตัวในมหาลัยฯและตรวจเข้มทุกราย แต่อีก60รายทราบว่าผู้ปกครองรับกลับบ้านแล้วน่าเป็นห่วงมากสำหรับเคสนี้ ได้ให้ จนท.เร่งติดตามตัวและสอบสวนโรคให้ครบโดยเร็ว
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ทางจังหวัดได้จัดเตรียม รพ.สนามและสถานที่กักตัวไว้รองรับเพราะคาดว่าในช่วงหลังปีใหม่ตั้งแต่4-21ม.ค.ที่ทางจังหวัดเพิ่มมาตรการคุมเข้ม ยอดผู้ติดเชื้อจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ด้าน นายกฤษณธร เลิศสำโรง ป้องกันจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ชุดปฏิบัติการร่วม เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสถานบันเทิงในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครราชสีมาตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยแบ่งชุดปฏิบัติการออกตรวจสถานบริการ และร้านอาหาร ในพื้นที่รวมจำนวน 30 ร้าน โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้คำแนะนำมาตรการป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามประกาศคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมาอย่างเคร่งคัด และกำชับให้สถานบริการทุกแห่งเปิด และปิดตามระยะเวลาที่กำหนด ใช้มาตรการเว้นระยะห่าง จุดบริการล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัย การควบคุมจำนวนผู้ใช้บริการไม่ให้แออัด มีมาตรการคัดกรองวัดไข้ และลงทะเบียนผู้มาใช้บริการ ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบสถานบริการหรือร้านอาหารใดมีมาตรการหย่อนยานหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ก็จะพิจารณาเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้ปิดดำเนินการชั่วคราวทันที