by

มจร. ร่วมอาจารย์ ม.ราชภัฎ โคราชนำกลุ่มคนพิการชมวัดบ้านไร่ ใช้พุทธศิลป์และการท่องเที่ยววิถีพุทธเยียวยาสุขภาพจิตคนพิการ เสริมพลังใจให้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า

วันนี้ (14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่พิพิธภัณฑ์วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยทีมนักวิจัยสาขาวิชารัฐศาสตร์และสาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตนครราชสีมา ได้นำกลุ่มคนพิการในจังหวัดนครราชสีมาที่เข้าร่วมโครงการ  “การพัฒนารูปแบบส่งเสริมสุขภาพจิตผู้พิการ ด้วยพุทธศิลป์และการท่องเที่ยววิถีพุทธในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ลงพื้นที่เพื่อชมวัด และร่วมกันวาดภาพพุทธศิลป์ โดยมีภาคีเครือข่าย อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา จากสาขาวิชาศิลปะ หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต โดย รศ.เนตรชนก  บัวนาค อาจารย์หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา  วิทยากรแผนงาน  และประชาชนในพื้นที่วัดบ้านไร่เข้าร่วมทำกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

สำหรับงานวิจัยเรื่อง “การพัฒนารูปแบบส่งเสริมสุขภาพจิตผู้พิการด้วยพุทธศิลป์และการท่องเที่ยววิถีพุทธในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” นั้น ผู้วิจัยพบว่า วัดเป็นสถานที่พึ่งและเยียวยาผู้มีความทุกข์ทางจิตใจ  โดยเฉพาะกลุ่มผู้พิการ เพราะจะช่วยให้ผู้พิการได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ลดการครุ่นคิดอยู่กับปัญหาสุขภาพกายของตนเองมาเสริมสร้างสุขภาพจิตและสุขภาพกายให้แข็งแรง และการเข้าวัดในรูปแบบของการท่องเที่ยวสร้างความสุขกายสุขใจแก่ผู้พิการและครอบครัวรวมถึงสร้างรายได้เข้าสู่วัดและชุมชนเกิดกิจกรรมสร้างคุณค่าทางพุทธศิลป์และมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่ชุมชน  รวมถึงเติมพลังใจ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนพิการให้มีพลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข   โดยวัดมีความสวยงามด้านพุทธศิลป์จูงใจให้คนเข้ามาท่องเที่ยวและร่วมกิจกรรมบำบัดเจริญสมาธิ  สร้างสรรค์งานพุทธศิลป์  ช่วยให้ผู้พิการได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า  ลดการคิดอยู่กับปัญหาสุขภาพกายของตนเอง  ปรับมาเสริมสร้างสุขภาพจิตและสุขภาพกายให้แข็งแรง

โดยงานวิจัยดังกล่าวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อก่อให้เกิดการสร้างรูปแบบวัดส่งเสริมสุขภาพจิตผู้พิการด้วยพุทธศิลป์และการท่องเที่ยววิถีพุทธ การพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพจิตผู้พิการด้วยพุทธศิลป์และการท่องเที่ยววิถีพุทธ และ นวัตกรรมเชิงคุณค่าและมูลค่าในการส่งเสริมสุขภาพจิตผู้พิการด้วยพุทธศิลป์และการท่องเที่ยววิถีพุทธ อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนจากพื้นฐานการวิจัยต่อไป