25 April 2024


“กกพ.”จับมือ ปตท.-กฟผ. ชะลอค่าไฟแพงประคอง ศก.ไทย ช่วยค่าครองชีพ ปชช.

Post on: Nov 9, 2018
เปิดอ่าน: 519 ครั้ง

 

“กกพ.” จับมือ “ปตท.” “กฟผ.” ชะลอค่าไฟขาขึ้น ประกาศ ค่าเอฟที -11.60 ประคองเศรษฐกิจ สู้ยุคเชื้อเพลิงแพง หวังบรรเทาค่าครองชีพนางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสานักงานคณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน (สานักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า คณะกรรมการกากับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้เรียกเก็บอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) สาหรับการเรียกเก็บงวดเดือนมกราคม – เมษายน 2562 จานวน -11.60 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อเทียบกับค่า Ft ที่เรียกเก็บในปัจจุบัน -15.90 สตางค์ต่อหน่วย ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดก่อน 4.30 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ในการพิจารณาค่า Ft ครั้งก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยราคาเชื้อเพลิงหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้าถีบตัวสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง

“ถึงแม้ว่าปัจจัยต้นทุนของเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้ายังคงมีความผันผวนในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้า ตามที่ กกพ. เองก็ได้ส่งสัญญาณล่วงหน้ามาอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่ในการประกาศค่า Ft ในรอบนี้ (ม.ค.-เม.ย. 2562) ยังคงต้องบริหารจัดการต้นทุนที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน สร้างความราบรื่นในการปรับตัวให้กับภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเป็นหลัก” นางสาวนฤภัทร กล่าว

สาหรับการคาดการณ์ปัจจัยราคาเชื้อเพลิงสาหรับการผลิตไฟฟ้าในงวดเดือนมกราคม – เมษายน 2562 เทียบกับงวดเดือนกันยายน -ธันวาคม 2561 ซึ่งประกอบด้วย

ราคาก๊าซ ได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 286.83 บาท/ล้านบีทียู มาเป็น 299.50 บาท/ล้านบีทียู เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น +12.67 บาท/ล้านบีทียู

ราคาน้ามันเตา ได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 15.69 บาท/ลิตร มาเป็น 16.86 บาท/ลิตร เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น +1.17 บาท/ลิตร

ราคาน้ามันดีเซลได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 19.68 บาท/ลิตร มาเป็น 23.16 บาท/ลิตร เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น +3.48 บาท/ลิตร

ราคาถ่านหินนาเข้า ได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 2,583.04 บาท/ตัน มาเป็น 2,697.40 บาท/ตัน เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น +114.36 บาท/ตัน

การซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ ได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 1.73 บาท/หน่วย มาเป็น 1.81 บาท/หน่วย เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น +0.08 บาท/หน่วย

ทั้งนี้หากพิจารณาปัจจัยราคาเชื้อเพลิง สาหรับการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดมาคานวณโดยที่ไม่มีการบริหารจัดการ จะส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) สาหรับการเรียกเก็บงวดเดือนมกราคม – เมษายน 2562 เพิ่มขึ้นสูงถึง +24 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อเทียบกับค่า Ft ที่เรียกเก็บในปัจจุบัน -15.90 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้เรียกเก็บค่า Ft เพิ่มขึ้นเป็น 8.10 สตางค์ต่อหน่วย และมีความจาเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเข้าไปบริหารจัดการ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน และเอื้อต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมด้วยนางสาวนฤภัทร กล่าวว่า จากปัจจัยผลกระทบของการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิง สาหรับการผลิตไฟฟ้า ซึ่ง กกพ. คาดการณ์ว่าราคาเชื้อเพลิงจะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และยืนอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าในระยะต่อไปยังคงอยู่ในภาวะขาขึ้น

ดังนั้น เพื่อสนับสนุนการปรับตัวให้กับภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมในประเทศ รวมทั้งการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน กกพ. ได้ดาเนินการมาตรการทั้งการบริหารจัดการ และมาตรการทางการเงินเข้าไปดูแลการปรับตัวเป็นไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งประกอบด้วย

ประการแรก มาตรการการเสริมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงที่จาเป็นสาหรับการผลิตไฟฟ้า (Generation Mix) ได้แก่ ประสานงานกับ บริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) ในการศึกษา วิเคราะห์ การลดสัดส่วนนาเข้า ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และ ประสานงานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการพิจารณาแหล่งผลิตไฟฟ้าที่มีความเหมาะสมได้แก่ การเพิ่มปริมาณการซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน และพิจารณาผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงต้นทุนต่า

ประการที่สอง มาตรการทางการเงินและบัญชี เพื่อการบริหารจัดการค่า Ft โดย กกพ. มีมติให้นาเงินสะสมจากการเรียกเก็บค่า Ft ที่ผ่านๆ มา จานวน 3,298 ล้านบาท รวมกับเงินบริหาร Ft ซึ่งมีที่มาจากส่วนลดและค่าปรับจากผู้ประกอบการ จานวน 5,547 ล้านบาท และการเรียกเม็ดเงินลงทุน (Clawback) จากการไฟฟ้าที่ไม่ได้ลงทุนตามแผนอีกจานวน 1,522 ล้านบาท เพื่อนามาชดเชยต้นทุนการผลิตไฟฟ้า และลดความผันผวนการปรับเพิ่มค่า Ft ที่ส่งผลกระทบต่อค่าบริการไฟฟ้า ให้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างราบรื่น

พร้อมกันนี้ ได้ทาการปรับประมาณการค่า Ft ให้สอดคล้องกับภาวะการณ์เปลี่ยนแปลงราคาน้ามันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลง และพิจารณากาหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเมื่อเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่อ่อนค่าลงให้สอดคล้องกันกับภาวะการณ์ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม จากการประกาศปรับเพิ่มค่า Ft ที่เรียกเก็บงวดเดือนมกราคม – เมษายน 2562 จานวน -11.60 สตางค์ต่อหน่วย จะทาให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 3.6396 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จาก 3.5966 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งจากมติ กกพ. ดังกล่าว สานักงาน กกพ. จะเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดผ่านทาง www.erc.or.th เพื่อรับฟังความคิดต่อไป