19 April 2024


เทศบาลจอหอโคราช แจงเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุรวดเดียว 13 ราย ยายกลุ้มขอเห็นใจผ่อนคืนทีละน้อย

Post on: Jan 26, 2021
เปิดอ่าน: 2,726 ครั้ง

 

เทศบาลจอหอโคราช แจงเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุทั้งหมด 13 ราย ยอมจ่ายคืน 9 ราย ฟ้องศาล 4 ราย ด้านคุณยายขอความเห็นใจ ไม่ได้ต้องการขอเบี้ยยังชีพแต่แรก อ้าง จนท.ทำให้ทุกอย่าง ระบุไม่มีเงินก้อนคืนขอเห็นใจ ผ่อนผันร้องศาลขอความเป็นธรรม

วันนี้ (26 มกราคม 2564) หลังปรากฏข่าวการเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุหลายรายในพื้นที่เทศบาลตำบลจอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา  ล่าสุดนายเสรี ไชยกิตติ นายกเทศมนตรีตำบลจอหอ เปิดเผยว่า เมื่อปี 2562 ทางกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้มีหนังสือแจ้งมาว่า ในพื้นที่ ต.จอหอ อ.เมืองนครราชสีมา มีผู้สูงอายุที่ขาดคุณสมบัติได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอยู่ทั้งหมด จำนวน 13 ราย เนื่องจากได้รับเงินบำนาญตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว ต่อมาทางเทศบาลตำบลจอหอ ก็ได้ทำหนังสือไปเชิญทั้ง 13 รายมาสอบถามก็ได้รับการยืนยันว่า ทุกคนได้รับเงินบำนาญจริง ทางเทศบาลฯ จึงได้ส่งเรื่องไปให้กรมบัญชีกลางทราบ กระทั่งปลายปี 2563 ทางกรมบัญชีกลางก็มีหนังสือให้ทางเทศบาลเรียกเก็บเงินเบี้ยยังชีพคืน ซึ่งก็มีผู้สูงอายุจำนวน 9 รายที่ยอมคืนเบี้ยยังชีพ โดยบางรายที่มียอดเงินน้อยไม่กี่หมื่นบาท ก็ขอคืนทั้งหมดในคราวเดียว ขณะที่บางรายที่มียอดเงินหลายหมื่นบาทถึง 1 แสนกว่าบาท ก็พร้อมที่จะผ่อนชำระตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนอีก 4 ราย แสดงความประสงค์ไม่คืนเงิน ทางเทศบาลฯ จึงมีความจำเป็นต้องส่งเรื่องฟ้องต่อศาลแขวงนครราชสีมา เพื่อให้พิจารณาดำเนินคดีทางแพ่งต่อไป

“ขอยืนยันว่ากรณีนี้ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติ และไม่ได้มีการกลั่นแกล้งใด ๆ แม้ในความเป็นจริงก็ไม่ได้อยากฟ้องศาล แต่หากไม่ฟ้องก็จะโดนข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายอาญา” นายเสรี กล่าว

ขณะที่ นายมฤคินทร์ เขียนจอหอ อายุ 42 ปี ลูกชายของ นางประจวบ ผะดาวัลย์ อายุ 73 ปี ผู้สูงอายุชราภาพ ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลจอหอ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงเรื่องเดียวกันว่า หลังจากได้รับหนังสือขอเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่จ่ายให้กับนางประจวบฯ ผู้เป็นแม่ ย้อนหลังตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นระยะเวลากว่า 11 ปี เป็นจำนวนเงิน 76,400 บาท และรวมดอกเบี้ยเป็นยอดจำนวน 77,737 บาท

นายมฤคินทร์  เล่าต่อว่า ก่อนหน้านี้บิดาของตน คือ ร้อยตำรวจตรี สัมพันธ์ ผะดาวัลย์ รับราชการเป็นตำรวจตระเวนชายแดน และได้เสียชีวิตลงจากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม เมื่อปี 2515 ทำให้นางประจวบ แม่ของตนได้รับเงินบำนาญพิเศษตั้งแต่นั้นมา

จนกระทั่งเมื่อช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมา ได้มีหนังสือจากเทศบาลตำบลจอหอ อ.เมืองนครราชสีมาขอเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากแม่ของตน ซึ่งปัจจุบันแม่ของตนต้องรักษาอาการป่วยที่ขา ขาขวาเดินไม่สะดวก ต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันเวลาเดินตลอดเวลา และแม่ของตนมีรายได้จากเงินบำนาญพิเศษเพียงทางเดียว ไม่มีรายได้อย่างอื่น โดยก่อนหน้านี้ตนเองได้เข้าไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลจอหอแล้ว แต่ทางเทศบาลขอเรียกเก็บเงินคืนในอัตราที่สูง โดยขอเรียกเก็บเงินคืน 3 เดือนแรก ในอัตราเดือนละ 18,000 บาท จากนั้นเดือนที่ 4 เรียกเก็บเงินในอัตราเดือนละ 1,100 บาท ซึ่งตนได้เจราจรขอผ่อนจ่ายเงินก้อนที่ต้องจ่ายคืน 3 เดือนแรก เพราะเป็นอัตราที่สูงเกินไป ครอบครัวของตนจ่ายคืนไม่ไหว แต่ทางเทศบาลไม่ยอม และได้ส่งเรื่องไปฟ้องศาลแขวงนครราชสีมา

ล่าสุดศาลแขวงนครราชสีมาได้มีหมายเรียกให้ นางประจวบ ผะดาวัลย์ แม่ของตน ในฐานะจำเลย ไปพบที่ศาลเพื่อการไกล่เกลี่ย ให้การแก้ข้อหาแห่งคดี และสืบพยาน ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งตน และแม่ของตน พร้อมที่จะเดินทางไปศาล เพื่อให้ศาลช่วยเป็นที่พึ่ง และช่วยพูดคุยเจราจรไกล่เกลี่ยด้วยความเป็นธรรมให้กับครอบครัวของตน

ด้านนางสาววรรณภา สารเป็น อายุ 28ปี บุตรสาวของ นางสัมฤทธิ์ ภู่สว่าง อายุ 83ปี ชาวบ้านหมู่ที่4 ตำบลจอหอ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนางสาว สมหมาย สมบูรณ์รัมย์ อายุ 60 ปี บุตรสาวของ นางก่วง สมบูรณ์รัมย์ อายุ 83ปี ชาวบ้านหมู่ที่3 ตำบลจอหอ  ออกมาเปิดเผยว่า  ถูกทางเทศบาลตำบลจอหอ เรียกเก็บคืน เงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

นางสัมฤทธิ์ ภู่สว่าง อายุ 83ปี กล่าวว่า ถูกเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี2549 ถึงเดือนพฤศจิกายน ปี2563 รวมแล้วเป็นระยะเวลานานกว่า 14ปี รวมเป็นเงินพร้อมดอกเบี้ย จำนวน 83,383 บาท ส่วนนางก่วง สมบูรณ์รัมย์ อายุ 83 ปี ถูกเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี2549 จนถึงเดือนพฤศจิกายน ปี2563 เป็นระยะเวลากว่า 14 ปีเช่นเดียวกัน เมื่อรวมเงินพร้อมดอกเบี้ยแล้ว จะอยู่ที่ 84,673 บาท

โดยนางสัมฤทธิ์ และนางก่วง ได้รับเงินบำนาญพิเศษ จากสามีที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ และถูกเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุย้อนหลังเช่นเดียวกัน ซึ่งล่าสุดนางสัมฤทธิ์ และนางก่วง ถูกหมายเรียกจากศาลแขวงนครราชสีมา เพื่อการไกล่เกลี่ย การแก้ข้อหาแห่งคดี และสืบพยาน ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้

ส่วนนางสาววรรณภา สารเป็น บุตรสาวของ นางสัมฤทธิ์ ภู่สว่าง หนึ่งในผู้ถูกเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ บอกว่า ครั้งแรกที่เห็นหนังสือเรียกทวงคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของแม่ ทุกคนในครอบครัวต่างตกใจอย่างมาก เพราะ แม่ของตนไม่ได้ตั้งใจไปยื่นเรื่องขอรับเงินตั้งแต่ตอนแรก แต่มีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลจอหอ เป็นผู้ดำเนินการเรื่องเอกสารให้ทุกอย่าง ซึ่งแม่ของตนไม่รู้เรื่องกฎหมาย และคิดว่าเป็นเงินส่วนที่ตนพึงจะได้ กระทั่งมีหนังสือเรียกขอคืนเงินดังกล่าว หลังจากได้รับหนังสือ ตน พาแม่ เข้าไปติดต่อกับทางเทศบาล โดยเจ้าหน้าที่บอกว่า ให้จ่ายเงินคืน 3 เดือนแรก งวดละ 18,000 บาท จากนั้นให้ทยอยผ่อนชำระในส่วนที่เหลือ อีกประมาณเดือนละ 1,000 บาท หากจะให้ชำระเป็นเงินก้อน ตนก็คงไม่ไหว ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ตนและแม่ จะเดินทางไปที่ศาลแขวงนครราชสีมา เพื่อขอให้ศาลช่วยพิจารณาและมอบความเป็นธรรมแก่ตนและแม่