by

เป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ชาวโคราช! ในหลวง รัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ พระราชทานถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอประทาย โนนแดง จังหวัดนครราชสีมา  ด้านผู้ว่าฯ เผย 3 อำเภอยังท่วมหนัก พื้นที่เกษตรเสียหาย กว่า 1 แสนไร่ คาดหากไม่มีฝนตกอีกภายใน 1 สัปดาห์สถานการณ์คลี่คลาย 

วันนี้  (2 ส.ค.) เวลา 15.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้นายวิเชียร จันทรโณทัย  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้แทนพระองค์มอบถุงยังชีพพระราชทาน เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอประทายจำนวน  100 คน และ อ.โนนแดง 250 คน ที่หอประชุมอำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา ที่ศาลาการเปรียญวัดดอนยาวน้อย ตำบลวังหิน อำเภอโนนแดง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งประชาชนที่เข้ารับพระราชทานถุงยังชีพ ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณใน สมเด็จพระเจ้าอยู่มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ได้พระราชทานถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้

สำหรับในพื้นที่อำเภอประทาย มีประชาชนได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จำนวน 6 พันครอบครัว ที่นา จำนวน 6 หมื่นไร่ ส่วนพื้นที่อำเภอโนนแดง มีประชาชนได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จำนวน 2,406 ครอบครัว ที่นา จำนวน 34,610 ไร่

ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดนครราชสีมาว่า ภาพรวมยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่เกษตรกรรม ส่วนใหญ่เป็นนาข้าวจมน้ำเสียหายหมด ซึ่งน้ำยังคงท่วมขังบ้านเรื่อนประชาชนและพื้นที่เกษตรสำคัญ 3 อำเภอ ทั้งอำเภอโนนแดง , อ.ประทาย และ อ.เมืองยาง ส่วนพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขังนาข้าวอยู่ เช่น อ.บัวใหญ่  การช่วยเหลือเราพยายามเร่งระบายน้ำลงลำน้ำลำสะแทต และลำน้ำมูล คิดว่าภายในสัปดาห์นี้น้ำจะออกจากพื้นที่เหล่านี้ได้หมด หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำอีก สำหรับความช่วยเหลือช่วงนี้เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่เราได้รับพระราชทานถุงยังชีพจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 ที่พระราชทานให้ราษฎรรอบแรกที่ อ.บัวใหญ่ , อ.โนนแดง และ อ.ประทาย และวันที่ 4 ส.ค. มูลนิธิราชประชานุเคราะห์กับผู้แทนพระองค์จะอัญเชิญถุงยังชีพมามอบให้กับผู้ประสบภัยในทุกอำเภอที่ประสบอุทกภัย ทั้ง 13 อำเภอ

อย่างไรก็ตามมีหมู่บ้านเดียวที่ต้องอพยพจากบ้านไทยสามัคคี อ.เทพารักษ์ จำนวน 33 ครัวเรือนกว่า 100 คนย้ายมาพักอยู่โรงเรียนบ้านสะพานหิน ทางมูลนิธิเพื่อนพึ่งพา(ภา)ยามยากประกอบเลี้ยงอาหารดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งถ้าประเมินสถานการณ์ไม่มีฝนตกในอีก 3 วันหากเห็นว่าปลอดภัยเราจะนำพี่น้องประชาชนกลับไปบ้านภูมิลำเนา และเราจะจัดให้มีระบบการเตือนภัยตลอด 24 ชั่วโมงสำหรับประชาชนเมื่อเกิดฝนตกขึ้นมาและจะแจ้งการอพยพอีกอย่างไร

ด้านศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย และดินถล่ม จ.นครราชสีมา สรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่เกิดจากผลกระทบพายุโซนร้อน “เซินกา”ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. – 2 ส.ค. ได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน รวมทั้งสิ้น 12 อำเภอ 70 ตำบล 700 หมู่บ้าน 13 ชุมชน ประกอบด้วย  อำเภอเทพารักษ์ 2 ตำบล 5 หมู่บ้าน , อำเภอชุมพวง 4 ตำบล 32 หมู่บ้าน , อำเภอสีดา 2 ตำบล10 หมู่บ้าน , อำเภอบัวลาย 4 ตำบล 45 หมู่บ้าน ,  อำเภอแก้งสนามนาง 5 ตำบล 56 หมู่บ้าน , อำเภอโนนแดง5 ตำบล 55 หมู่บ้าน , อำเภอประทาย 13 ตำบล 151 หมู่บ้าน , อำเภอบัวใหญ่ 10 ตำบล 60 หมู่บ้าน 9 ชุมชน , อำเภอด่านขุนทด 9 ตำบล 53 หมู่บ้าน , อำเภอเมืองยาง 3 ตำบล 27 หมู่บ้าน , อำเภอพิมาย 7 ตำบล 72 หมู่บ้าน และอำเภอลำทะเมนชัย 4 ตำบล 37 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 31,192 ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหาย 243 หลัง วัด/กุฏิสงฆ์ 5 หลัง สถานที่ราชการ 2 แห่ง ถนน 119 สาย สะพาน 5 แห่ง ยุ้งข้าว  1  หลัง  ฝาย 15 แห่ง อ่างเก็บน้ำ 3 แห่ง โรงงาน 3 แห่ง บ่อปลา 147 บ่อ คันดิน 17 แห่ง เป็ด/ไก่ 1,300 ตัว และพื้นที่เกษตรกรรม104,651 ไร่

โดยอำเภอที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว จำนวน 9 อำเภอ คือ อำเภอเทพารักษ์ อำเภอชุมพวง อำเภอสีดา อำเภอบัวลาย อำเภอบัวใหญ่ อำเภอแก้งสนามนาง อำเภอด่านขุนทด อำเภอพิมาย และอำเภอลำทะเมนชัย และ อำเภอที่ยังมีสถานการณ์น้ำท่วม จำนวน 3 อำเภอ คือ อำเภอประทาย  อำเภอโนนแดง และอำเภอเมืองยาง

สถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่น้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎร พื้นที่การเกษตร จำนวน 3 อำเภอ 21ตำบล  242 หมู่บ้าน ดังนี้ 1.อำเภอโนนแดง น้ำท่วมพื้นที่การเกษตร ระดับน้ำลดลงทุกตำบล คาดว่าอีก 7 วัน (หากไม่มีฝนตกหนักในพื้นที่)  ระดับน้ำน่าจะลดลงเป็นปกติ , 2 อำเภอประทาย แนวโน้มสถานการณ์น้ำท่วมลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสำนักงานชลประทานที่ 8 นครราชสีมา ได้เปิดช่องทางระบายมวลน้ำ ระหว่างบ้านกระเบื้องนอก อ.เมืองยาง กับ บ้านบุ่งเบา อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ลึก 1.50 เมตร ยาว 30 เมตร เพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่อำเภอประทาย และอำเภอเมืองยาง ลงสู่ลำน้ำมูลให้เร็วขึ้น และ 3. อำเภอเมืองยาง ยังคงมีน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตร ซึ่งระดับน้ำในพื้นที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง