26 April 2024


เอไอเอส ร่วมดูแลสุขภาพชุมชน จัดสร้างลานสุขภาพ รพ.สต. ห้วยโพธิ์ แห่งที่ 13

Post on: May 25, 2017
เปิดอ่าน: 647 ครั้ง

 

 เอไอเอส ร่วมกับ รพ.สต.ห้วยโพธิ์ ดูแลสุขภาพของคนในชุมชน จัดสร้างลานสุขภาพพร้อมเครื่องออกกำลังกาย แห่งที่ 13 เพื่อส่งเสริมให้คนในชุมชนมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี ห่างไกลโรคและลดความเสี่ยงการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง นำร่องโดยเครือข่ายอสม.เป็นต้นแบบในการส่งเสริมการออกกำลังกาย พร้อมติดตามและประเมินผลทั้งระยะสั้นและระยะยาว  เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และควบคุมไม่ให้มีกลุ่มผู้ป่วยมากขึ้น เพื่อร่วมสนับสนุนภาครัฐในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

เอไอเอส2

นายอุดมศักดิ์  โสมคำ  ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการส่วนงานปฏิบัติการภูมิภาค – ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส กล่าวว่า “เอไอเอสในฐานะผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งได้ขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้คนไทยทุกคนได้เข้าถึงเทคโนโลยีสื่อสารอย่างเท่าเทียมกัน รวมทั้งยังร่วมใส่ใจดูแลชุมชนและสังคมในพื้นที่โดยรอบสถานีฐาน ซึ่งจากการติดตั้งสถานีฐาน เราพบว่าการดูแลสาธารณสุขชุมชนในพื้นที่ห่างไกลเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เป็นหน่วยพยาบาลระดับต้น ที่ช่วยดูแลสุขภาพของคนในชุมชน ซึ่งการที่คนไทยทุกคนมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงนั้น เป็นปัจจัยพื้นฐานของการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน  ดังที่กล่าวว่า “สุขภาพดี ชุมชนดี สังคมเข้มแข็ง”   และที่สำคัญยังเป็นการสานต่อแนวคิดของภาครัฐ ที่มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ”

“โดยหนึ่งในโครงการดูแลสังคมและอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืนนั้นคือ โครงการ “ลานสุขภาพเอไอเอส เพื่อสุขภาพที่ดีของคนในชุมชน”  ซึ่งจะจัดสร้างไว้ ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)   ด้วยเล็งเห็นว่า ปัจจุบัน การเพิ่มขึ้นของความเจ็บป่วยจากการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของประชาชนทั่วทั้งประเทศมีอัตราสูงขึ้น โดยสาเหตุหลักมาจากอาหาร การขาดการออกกำลังกาย และความเครียด ถึงแม้จะมีการส่งเสริมและให้ความรู้เชิงป้องกัน โดยหน่วยพยาบาลระดับปฐมภูมิของชุมชนหรือรพ.สต.แล้วก็ตาม  แต่การขาดการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ก็ยังส่งผลให้ป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง  เอไอเอส จึงได้ร่วมมือกับรพ.สต.ในแต่ละพื้นที่จัดสร้างลานสุขภาพพร้อมเครื่องออกกำลังกายและลานเดินนวดเท้าไว้ ณ รพ.สต.เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลงานสาธารณสุขชุมชนและเครือข่ายอสม.ใช้เป็นศูนย์กลางในการดูแลส่งเสริมสุขภาพของคนในชุมชน ให้เห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย และมีการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ตลอดจนสามารถติดตามและประเมินผลด้านสุขภาพได้อย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งให้คนในชุมชนมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ห่างไกลโรค อันจะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และชุมชนมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน”

เอไอเอส1

“สำหรับลานสุขภาพเอไอเอส ณ รพ.สต. ห้วยโพธิ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีฐานดงสว่าง นับเป็นลานสุขภาพแห่งที่ 13 ที่เอไอเอสได้จัดสร้างขึ้น โดยมีเครื่องออกกำลังกาย 5 ชนิด ประกอบด้วย จักรยานปั่นแนวนอน  เครื่องบริหารกล้ามเนื้อแขน  เครื่องบริหารเอวและออกกำลังขาแบบย่ำสลับ  เครื่องเดินสลับแนวราบ  และลานเดินนวดเท้า พร้อมทั้งได้จัดทำคู่มือแนะนำวิธีการใช้เครื่องออกกำลังกาย  สำหรับให้นักวิชาการด้านสาธารณสุขประจำรพ.สต.และอสม. ใช้เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมสุขภาพของคนในชุมชน”

โดยเอไอเอสและ รพ.สต.จะมีกิจกรรมกระตุ้นการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนร่วมกันติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของกลุ่มผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงเป็นประจำทุก 3 เดือน เพื่อให้คนในชุมชนเห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งหลังจากการติดตามและประเมินผลสุขภาพคนในชุมชนในหลายๆพื้นที่ที่เอไอเอสได้ร่วมมือกับรพ.สต.ในการดำเนินโครงการฯดังกล่าว  พบว่าคนในชุมชนกระตือรือร้นหันมาออกกำลังกายกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม   สำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในหลายชุมชนมีสุขภาพดีขึ้น ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่มีแนวโน้มจะป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้องรัง ก็มีจำนวนลดลง”

“เอไอเอส หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ส่งเสริมสุขภาพคนในชุมชนร่วมกับ รพ.สต. จะช่วยสร้างเสริมสุขภาพของพี่น้องประชาชนในชุมชนให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นและห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนในชุมชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน” นายอุดมศักดิ์ กล่าว

เอไอเอส3

นางอุดม  วงษ์แสน  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ห้วยโพธิ์ กล่าวว่า “รพ.สต. จะต้องดูแลรับผิดชอบสุขภาพคนในชุมชน จำนวน 18 หมู่บ้าน รวม 2,561 หลังคาเรือน ประชากร จำนวน 11,085 คน  โดยจะต้องสร้างความรู้ความเข้าใจและปฎิบัติตนให้ห่างไหลจากโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วนลงพุง โรคหลอดเลือสมองและหัวใจ โรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็ง เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันในทุกชุมชน จะมีจำนวนผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคดังกล่าวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการรับประทานอาหารมัน ที่มีรสเค็มจัด หวานจัด การขาดการออกกำลังกายอย่างถูกวิธีและต่อเนื่อง รวมถึงความเครียดจากการทำงานหรือการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยทาง รพ.สต.ร่วมกับเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จะมีการติดตามดูแลผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพและจัดอบรมให้ความรู้และรณรงค์เรื่อง 3 อ. 2 ส.: อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ งดสูบบุหรี่ และ ดื่มสุรา เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค   นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพของคนในชุมชนด้วยการออกกำลังกาย โดยยึดหลัก “สร้าง นำ ซ่อม” พร้อมทั้งพัฒนาความรู้ความสามารถของ   อสม. ในเรื่องการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง  ซึ่งหลังจากที่มีลานสุขภาพเอไอเอสพร้อมเครื่องออกกำลังกายแล้ว ทาง รพ.สต. จะร่วมกับเอไอเอส จัดกิจกรรมกระตุ้นการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนร่วมกันประเมินและติดตามผลความก้าวหน้าทั้งในเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพของกลุ่มผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงเป็นประจำทุก 3 เดือน”

“โดยในเบื้องต้นการส่งเสริมการออกกำลังกายจะเริ่มจากกลุ่ม อสม.เป็นกลุ่มแรก  ที่จะเป็นแบบอย่างของการมีสุขภาพที่ดี  ซึ่งจะมีการจดบันทึกการออกกำลังกายของ อสม.  การตรวจเช็คน้ำหนัก  การวัดรอบเอว  การตรวจสอบประวัติการเจ็บป่วย   เพื่อประเมินผลสุขภาพของ อสม. อย่างต่อเนื่อง  หลังจากนั้นจะเริ่มดำเนินการกับกลุ่มชาวบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงด้วยวิธีการเดียวกันทั้งในระยะสั้นและระยะยาว  เพื่อประเมินภาพรวมว่ากลุ่มเสี่ยงมีจำนวนที่ลดลงมากน้อยเพียงใด    พร้อมติดตามและประเมินผลสุขภาพของคนในชุมชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว  โดยทาง รพ.สต. มั่นใจว่า ลานสุขภาพเอไอเอส จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริม และกระตุ้นให้คนในชุมชนหันมาออกกำลังกายกันมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง และห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ รวมทั้งยังช่วยลดจำนวนผู้ป่วย และควบคุมกลุ่มเสี่ยงในการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังให้มีจำนวนที่ลดลง อันจะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนในชุมชน ได้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน” นางอุดมกล่าว