27 April 2024


ตร.ภาค 3 เร่งสางคดีปืน M16 อส. โคราชหาย ลั่นใหญ่แค่ไหนต้องจับจ่อออกหมายจับเร็วนี้

Post on: Aug 3, 2015
เปิดอ่าน: 1,096 ครั้ง

พล-ต-ต-ปกรณ์--ผบก-สส-ภ-3-1-

ชุดสืบภาค 3 เร่งสางคดีปืน อส.โคราชหาย ส่งตร.ลงพื้นที่ค้นหาปืนของกลาง เผยสอบปากคำไปแล้วหลายสิบปาก ชี้มีคนเห็นตอนขนปืนออกไป ระบุแม่ทัพภาค 2 – ผุ้ว่าฯ โคราชไฟเขียว สาวถึงใครใหญ่แค่ไหนจับดะไม่มีเลี้ยง ชี้เป็นภัยต่อความมั่นคง เตรียมออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการล็อตแรกเร็ว ๆ นี้

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 11 มิ.ย.2558 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.ปกรณ์ เสริมสุวรรณ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยถึงการสืบสวนคดีอาวุธปืนเอ็ม 16 ของกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครราชสีมาที่ 1 (อส.นม.1) ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา หายไปว่า ขณะนี้ได้ตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 กระจายลงพื้นที่ 32 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมาเพื่อหาเบาะแสและติดตามอาวุธปืน ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าปืน M 16 ไปแน่นอน 70 กว่ากระบอก และบางส่วนที่ตามกลับคืนมาได้กว่า 10 กระบอกนั้น เป็นการได้มาจากความผิดพลาดทางด้านบัญชีคุมที่ตกหล่นและได้ทำการไล่ตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนใหญ่ที่หายนั้นอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ขอย้ำว่าจับแน่และกรณีนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ อาวุธปืนไม่ใช่นก จะออกไปเป็นฝูงแบบนี้เป็นไปไม่ได้ ต้องมีผู้รับผิดชอบ และขณะนี้ผู้ใหญ่เอาจริงหมด โดยเฉพาะ พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งว่า เรื่องนี้ถือเป็นคดีเกี่ยวกับความมั่นคง เป็นนโยบาย เช่นเดียวกับ นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ย้ำว่าให้ดำเนินการให้ถึงที่สุด ถึงไหนถึงนั่นไม่มียั้ง เรื่องนี้เป็นเรื่องความมั่นคงไม่ใช่เรื่องมาล้อเล่น

พล.ต.ต.ปกรณ์ กล่าว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นไม่พบร่องรอยงัดแงะ ประตูเปิดได้ มีคนถือกุญแจ แล้วหายไปได้อย่างไร และคนถือกุญแจไม่ใช่คนเดียวมีการผลัดเปลี่ยนเวรกัน แต่มีกุญแจชุดเดียว ลักษณะการหายน่าจะเป็นการทยอยนำออกไป   ตอนนี้เราทราบตัวผู้รับผิดชอบแล้ว จับแน่นอน โดยมีประจักษ์พยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ในวันที่นำปืนออกไปด้วย ขอย้ำว่า “ผมจับแน่นอนใหญ่แค่ไหนก็จับ ผมไม่กลัวอยู่แล้วเพราะเป็นเรื่องความมั่นคง” พล.ต.ต.ปกรณ์ กล่าว

พล-ต-ต-ปกรณ์--ผบก-สส-ภ-3-2-

พล.ต.ต.ปกรณ์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้ร่วมประชุมกับแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมามีการเสนอให้ อส.ทุกนายให้นำปืนกลับมาคืนเพื่อจะได้ทำการตรวจสอบ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วก็มีส่วนหนึ่งผิดพลาดทางบัญชีซึ่งตอนนี้การตรวจสอบทางบัญชีใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือแต่ปืนที่หายไป และปืนที่หายไปต้องมีผู้รับผิดชอบ ส่วนการออกหมายจับนั้นขอไม่เปิดเผยข้อมูล ตอนนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใครทั้งสิ้น แต่ขอย้ำว่าจับแน่จะจำนวนกี่รายยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งขณะนี้การสอบปากคำไปหลายสิบปาก ที่ผ่านมาพยายามหาประจักษ์พยานซึ่งตอนนี้ได้ตัวมาแล้ว ขอบอกว่าคดีที่ตนเองทำไม่มีมวยล้มต้มคนดู และไม่มีจับแพะเด็ดขาดตั้งแต่รับราชการมาไม่เคยจับแพะ ไม่เคยมีสมยอมและไม่มีกลั่นแกล้งใคร คาดว่าจะมีการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการขโมยปืนล็อตแรกในเร็ว ๆ นี้ขอให้ปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ก่อน ขอเวลาให้ตำรวจทำงานเพราะตนเองไม่ได้ทำงานแบบให้จบ ๆ ไปเท่านั้น ถ้าทำแล้วให้เป็นรูปธรรม

พล.ต.ต.ปกรณ์ กล่าวอีกว่า คดีนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และไม่มีอะไรซับซ้อนมากประสานขอข้อมูลไปก็ได้มาทั้งหมด เชื่อว่ามีการกระทำกันเป็นขบวนการ เพราะปืนหายไปจำนวนมากยามรักษาการคนเดียวจะเอาออกไปได้อย่างไรครั้งละ 10 กระบอกส่วนปืนที่หายไปนั้นไม่ทราบว่านำไปใช้เพื่อการใดแต่เชื่อว่าทุกคนคงทราบดีเพราะช่วงนั้นสถานการณ์ทางการเมืองไม่ปกติ มีความขัดแย้งทางการเมืองสูงในช่วงปีที่หายไป ซึ่งในเรื่องนี้ ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ท่านได้สั่งกำชับให้เร่งดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว

อย่างไรก็ตามตอนนี้สิ่งสำคัญคือจะต้องตามปืนกลับมาให้ได้ เพราะถือเป็นเรื่องอันตราย อย่าลืมว่าหากมีสถานการณ์เหมือนช่วงที่มีความขัดแย้งทางการเมือง ปืนกว่า 70 กระบอกเท่ากับเป็นกองกำลังใหญ่เลยทีเดียว ส่วนปืนยังอยู่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมาทั้งหมดหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนอยู่ระหว่างการหาข่าวของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ทั้งนี้จากการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐานยังไม่พบมีการนำอาวุธปืนที่หายไปมาใช้ในการก่อเหตุอาชญากรรมใด ๆ พล.ต.ต. ปกรณ์ กล่าว