by

โคราชเตรียมชงของบฯ 1,200 ล้าน “นายกฯประยุทธ์” เดินทางตรวจเยี่ยมเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บ-ผันน้ำ “เขื่อนลำพระเพลิง-อ่างลำสำลาย” อ.ปักธงชัย 25 พ.ค.นี้ ชี้เพื่อพัฒนาลุ่มน้ำลำเชียงไกรตลอดสายแก้แล้งซ้ำซาก เผยมีแผนดำเนินงานชัดเจนแล้วหากได้รับอนุมัติงบฯ สามารถแก้ไปปัญหาแล้งซ้ำซากของโคราชได้กว่า 50%

วันนี้ (17 พ.ค.) ที่ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นำโดยนายนริศชัย ป้อมเสือ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านสังคม เพื่อเตรียมความพร้อมในการต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดการเดินทางมาตรวจเยี่ยมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บน้ำ ผันน้ำ เขื่อนลำพระเพลิง และ อ่างเก็บน้ำลำสำลาย อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ในวันพุธที่ 25 พ.ค. 2559 นี้ ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา

สำหรับการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาในครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แตกต่างจากการลงพื้นที่ทุกครั้ง เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีเป้าหมายมาตรวจติดตามปัญหาภัยแล้งและการบริหารจัดการน้ำตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเสนอเท่านั้น

โดยในภาคเช้าจะเป็นการประชุมร่วมกับส่วนราชการประจำจังหวัดนครราชสีมา และกรมชลประทาน ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ รับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ฟังบรรยายสรุปโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำของโครงการลำพระเพลิง โครงการลำสำลาย และโครงการลำเชียงไกร ก่อนมอบนโยบายให้แก่ส่วนราชการ และพบประประชาชน

จากนั้นในช่วงบ่ายจะเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการก่อสร้างอาคารระบายน้ำล้นเพิ่มความจุปริมาณน้ำเขื่อนลำพระเพลิงและระบบผันน้ำเขื่อนลำพระเพลิง และชมการสาธิตระบบผันน้ำจากเขื่อนลำพระเพลิงไปยังลำสำลาย ก่อนเดินทางกลับ

นายเทิดพงษ์ ไทยอุดม ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการติดตามผลการดำเนินการโครงการแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมที่นายกรัฐมนตรีจัดสรรงบประมาณเมื่อครั้งลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2558 จำนวนประมาณ 450 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อเพิ่มความจุของเขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย โดยเพิ่มความสูงของสปิลเวย์ขึ้นอีก 4 เมตรทำให้เพิ่มความจุน้ำได้อีก 50 ล้าน ลบ.ม. เดิมมีความจุ 105 ล้าน ลบ.ม. เพิ่มขึ้นเป็น 155 ล้าน ลบ.ม. พร้อมเสริมสันเขื่อนให้มีความแข็งแรงมากขึ้น ขณะนี้การก่อสร้างได้ดำเนินการแล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมรับน้ำได้ในฤดูฝนนี้ และส่วนหนึ่งน้ำส่วนที่เกินจากเขื่อนลำพระเพลิงผันไปไว้ที่ลำสำลาย สามารถแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมได้อย่างยั่งยืน

นายเทิดพงษ์กล่าวอีกว่า ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีเดินทางลงพื้นที่ทางจังหวัดนครราชสีมาเตรียมเสนอของบประมาณจากนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งซ้ำซากในพื้นที่ลุ่มน้ำลำเชียงไกร ซึ่งครอบคลุม 4 อำเภอ คือ อำเภอด่านขุนทด อำเภอโนนไทย อำเภอพระทองคำ และอำเภอโนนสูง ที่ผ่านมาไม่มีการพัฒนาลุ่มน้ำทำให้เกิดปัญหาภัยแล้งรุนแรงและซ้ำซาก เนื่องจากเขื่อนลำเชียงไกรไม่มีศักยภาพในการกักเก็บน้ำ ไม่มีน้ำผิวดิน ประกอบกับน้ำใต้ดินเป็นน้ำเค็ม ไม่สามารถนำน้ำมาใช้ในการอุปโภคบริโภคได้
ทางจังหวัดนครราชสีมาจึงมีแผนงานในการพัฒนาลุ่มน้ำลำเชียงไกรตลอดทั้งสายโดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ซึ่งจะมีการสร้างฝายและแหล่งน้ำกักเก็บไว้เป็นช่วงๆ พร้อมขุดลอกอ่างลำเชียงไกรตอนล่างให้จุน้ำได้อีก 10 ล้าน ลบ.ม. จากเดิมจุได้ 27.7 ล้าน ลบ.ม. โดยแผนงานต่างๆ มีความพร้อมแล้ว ต้องใช้งบประมาณ 1,200 ล้านบาท

“หากได้รับอนุมัติงบประมาณมาดำเนินการจะสามารถแก้ไปปัญหาภัยแล้งของ จ.นครราชสีมาให้ลดลงได้กว่าร้อยละ 50” นายเทิดพงษ์กล่าวในตอนท้าย