3 May 2024


ใครรวยอย่าปักใจเชื่อ! ตร.ภาค 3 โคราชขยายผลรวบแก๊งค้ายาบ้าและฟอกเงิน เลี้ยงไก่ชนบังหน้าเงินหมุนเวียนหลาย 10 ล้าน

Post on: Oct 15, 2019
เปิดอ่าน: 616 ครั้ง

 

ตำรวจภาค 3 ขยายผลจับกุมเครือข่ายค้ายาบ้าและฟอกเงินรายสำคัญได้พร้อมของกลางและทรัพย์สินเพียบ พบเงินหมุนเวียนบัญชีธนาคารรอบ 7 เดือนหลาย 10 ล้านทำธุรกิจรับเหมาและเลี้ยงไก่ชนบังหน้า

วันนี้ ( 15 ต.ค. ) ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา  พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (หัวหน้างานบ้องกันปราบปรามยาเสพติด)  ได้ร่วมกันแถลงผลการตรวจยึดยาเสพติดรายสำคัญ โดยได้ทำการจับกุม เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญและฟอกเงินในพื้นที่จังหวัดลพบุรี มีการทำธุรกรรมทางเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด เงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารในรอบ 7 เดือนหลาย 10 ล้านบาท ประกอบธุรกิจรับเหมาและเลี้ยงไก่ชนบังหน้า ได้ผู้ต้องหาหลายราย

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 พ.ย.2561เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวน สภ.ชัยภูมิ (กก.สส.ภ.จว.ชย.) ทำการสืบสวนขยายผลจากปฏิบัติการจับกุม นายอติรัตน์ หรือ โอ้รักษาทรัพย์  ของกลางยาบ้า 6,000 เม็ดจากนั้น วันที่ 23 พ.ย.2561 ขยายผลจับกุม นายวีรเดช  หรือ อ่ำ ฦาชา  พร้อมของกลางยาบ้า 1,070 เม็ด ในพื้นที่ อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ

ต่อมาวันที่ 28 พ.ย. 2561เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภาค 3 ได้ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิ ทำการสืบสวนขยายผลจับกุม นายศรัณยู หรือ แจ้ บุญเกิด และพวกรวม 3 คน เป็นนักค้ายาเสพติด ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ลพบุรี พร้อมของกลางยาบ้าและตรวจยึดทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดจำนวนหลายรายการ  จากนั้นเมื่อวันที่ 3-4 มี.ค.2562 ได้ขยายผลจับกุม นายพิศณุ ทองสุขและ นายวิทชุพงษ์  ทรงอยู่  พร้อมของกลางยาบ้าและอาวุธปืน

จากการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดได้ทำสืบสวนขยายผลจนพบหลักฐานความเชื่อมโยงทางการเงินโดยมีการโอนงินจากเครือข่ายยาเสพติดจำนวนประมาณ 6 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารของ นายเอกราช น้อยเหน่, น.ส.กัญนิพา  พวงทอง และนายอัศชัย   ช่อฟ้า    จึงเชื่อว่า นายเอกราช  และพวกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ขออนุมัติหมายจับจากศาล และเมื่อวันที่ 8 ต.ค.62 ได้ทำการจับกุมนายเอกราช และพวก ตามหมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน

จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาโดยให้การว่าได้เงินมาจากการเล่นการพนันและถูกหวย ได้ตรวจยึดเงินสด จำนวน 41,000 บาท,สร้อยคอทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 10 บาท มูลค่า 200,000 บาท,อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อโคลท์ รุ่นโกลด์คัพมูลค่า 90,000 บาท,รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า มูลค่า 20,000 บาท, รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ มูลค่า 200,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดประมาณ 551,000 บาท

การปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในครั้งนี้ เป็นการปราบปรามยาเสพติดตาม นโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 3 ที่ให้ความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมาย เกี่ยวกับยาเสพติดและกฎหมายฟอกเงินมาดำเนินคดีกับนักค้ายาเสพติดและผู้เกี่ยวข้องในการ กระทำความผิดทุกระดับ