ท่อง…อารยธรรมขอม ส่องความงามทางวัฒนธรรม 3 ชุมชนสัมผัสวิถีชีวิตชาวกูย ล่องเรือลำน้ำห้วยทับทัน ชมความงามเส้นทางสายไหม
ท่องเส้นทาง…อารยธรรมขอม ส่องความงามทางวัฒนธรรม 3 ชุมชน สัมผัสวิถีชีวิตชาวกูย ล่องเรือชมหิ่งห้อยลำน้ำห้วยทับทัน นั่งอีแต๋นตามทางสายไหม
“สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม” จังหวัดสุรินทร์ ไม่ได้โดดเด่นแค่เป็นดินแดนของช้างเท่านั้น แต่ที่นี่มีวัฒนธรรมที่งดงามและน่าค้นหา โดยเฉพาะวิถีชีวิตของประชาชนที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ทีมข่าวได้ร่วมเดินทางเข้าชมและสัมผัสแหล่งที่เที่ยวทางวัฒนธรรมตามโครงการ “ยกระดับการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมครบวงจร จังหวัดสุรินทร์ จัดโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์
มนต์เสน่ห์ของอารยธรรมขอมที่ยังคงฝังรากลึกในวิถีชีวิตของชาวสุรินทร์จนกลายมาเป็นวัฒนธรรมอันสวยงามของผู้คนที่นี่ ถูกถ่ายทอดผ่านชุมชนบ้านสวายจ๊ะ ต.สวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางในทริปนี้
นายนิรันดร์ ดุจจานุทัศน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เดินทางมาต้อนรับคณะสื่อมวลชนพร้อม เป็นประธานเปิดงาน “ส่งเสริมช่องทางการตลาดระดับจังหวัดตามโครงการยกระดับการท่องเที่ยววัฒนธรรมครบวงจร จ.สุรินทร์” และนำคณะสื่อเยี่ยมชมสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีชื่อเสียงของชาวบ้านสวายจ๊ะและจังหวัดสุรินทร์ ก่อนนั่งรถอีแต๋นนำขบวนเข้าเยี่ยมชมถนนสายไหม ซึ่งเป็นอาชีพของผู้คนที่นี่ เจ้าบ้านให้การต้อนรับคณะสื่อด้วยไมตรีจิตที่ดี พร้อมบอกเล่าที่มาของเส้นทางสายไหมว่า ทุกเช้าที่นี่ถนนในหมู่บ้าน 1 เลนจะถูกยึด (ถูกปิด) เนื่องจากกลุ่มแม่บ้านใช้เป็นพื้นที่ในการม้วนไหม ซึ่งมีเพียงที่เดียวของประเทศไทย เพราะไหมที่นำมาม้วนมีความยาวไม่น้อยกว่า 30 เมตร และเคยม้วนมากสุดไกลถึง 60 เมตรเลยทีเดียวเป็นวีธีการม้วนไหมที่หาดูได้ยากนอกจากนี้ยังมีการทอผ้าที่เป็นลายเอกลักษณ์ของบ้านสวายจ๊ะ จากนั้นคณะได้เดินทางเข้าชมภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังโบสถ์เก่าแก่ ของ วัดนารายณ์บุรินทร์ วาดโดยจิตรกรชาวกัมพูชาตั้งแต่ปี 2510 จนถึงปัจจุบันมีอายุกว่า 50 ปี แต่ภาพยังคงมีสีสันที่สดใสและคมชัด โดยเป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพาน และภาพของเจ้าอาวาสวัดฯ ในขณะที่มีการเขียนภาพดังกล่าว ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว
ช่วงบ่ายวันเดียวกันคณะของเราได้เดินทางมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านอาลึ ต.สำโรงทาบ อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ครบวงจร เป็นดินแดนอารยธรรมชาวกูย ซึ่งสันนิษฐานว่า บรรพบุรุษของชาวบ้านอาลึรวมทั้งชาวสำโรงทาบเป็นชาวกูย อพยพมาจากแขวงจำปาสักตอนใต้ของประเทศลาว อพยพข้ามแม่น้ำโขงมาตั้งชุมชนบริเวณแห่งนี้ ชาวกูยมีภาษาพูดเป็นของตัวเองแต่ไม่มีภาษาเขียน ที่นี้มีการอนุรักษ์ธรรมเนียมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น เครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบอาชีพของชาวกูยไว้อย่างสมบูรณ์ ทันทีที่เดินทางถึงเราได้พบกับชาวกูยกลุ่มแรกที่ยืนเรียงแถวรอต้อนรับพร้อมมอบดอกไม้ให้คณะของสื่อด้วยความอบอุ่น โดยทุกคนสวมชุดประจำถิ่นชาวกูยคือ ผ้าไหมสีดำคลิปแดงดูสวยงาม ก่อนนำคณะไปกราบขอพรสิ่งศักดิ์ของหมู่บ้าน ที่นี้เราได้ร่วมกิจกรรม โฮบบายระเงียก หรือรับประทานอาหารเย็นด้วยอาหารแบบบ้าน ๆ พร้อมร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ ชมการแสดงรำแกลมอ ซึ่งหาชมได้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น คณะสื่อได้ร่วมรำแกลมอ กับชาวบ้านสร้างรอยยิ้มและความสุขให้ผู้มาเยือนปิดท้ายคืนนี้ด้วยการผูกข้อมือเรียกขวัญเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนกลับเข้าที่พักโฮมสเตย์ วันรุ่งขึ้นทุกคนพร้อมร่วมกิจกรรมใน 3 ฐานหลัก คือ ฐานการย้อมไหมด้วยสีธรรมชาติ ฐานบ้านโบราณ และฐานการแซวผ้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในการเย็บถ้าของชาวกูยที่ถูกถ่ายทอดรุ่นสู่รุ่น
เป้าหมายสุดท้ายของทริปนี้คือ หมู่บ้านอ้อมแก้ว ต.ศรีสุข อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ ที่นี่ถูกล้อมรอบด้วยลำห้วยทับทัน วิถีชีวิตชาวบ้านที่นี่ยังคงมีการรักษาประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของบรรพบุรุษไว้ เช่นความเชื่อเกี่ยวกับศาลปู่ตาที่คอยปกปักรักษาผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ หากจะจัดงาน หรือทำการใดจะต้องมาบอกกล่าวให้ทราบเพื่อให้การงานนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และการสวรสรภัญญะ การทำขนมไทยขึ้นชื่อของหมู่บ้าน ที่นี่คณะสื่อได้รับประทานอาหารเย็น โฮบบายระเงียก แบบขันโตก และมีการผูกข้อต่อแขนเพื่อให้แคล้วคลาดปลอดภัย กิจกรรมเด่นของที่นี่คือการล่องเรือลำน้ำห้วยทับทันเพื่อชมหิ่งห้อยและความงามของธรรมชาติ2 ฝัง แต่ทริปนี้เราไม่รอให้ค่ำเพื่อดูหิ่งห้อย คณะสื่อลงเรือ 5 ลำล่องไปในลำน้ำห้วยทับทัน เป็นระยะทางกว่า 3 กม. ชมวิถีชีวิต 2 ฝั่งที่มีชาวบ้านมาตกปลา ดักปลาและหาอาหารจากแหล่งน้ำแห่งนี้ทุกระยะในการเดินทาง นอกจากนี้ยังแวะเก็บผลไม้ธรรมชาติริมฝั่งลำน้ำอีกด้วย
วันนี้หมู่บ้านท่องเที่ยวทั้ง 3 แห่งของสุรินทร์ พร้อมต้อนรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวด้วยไมตรีจิตที่ดีของชาวบ้านที่นี่ เชื่อเหลือเกินว่ามนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรมที่หลากหลายนี้จะเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวออกมาค้นหาคำตอบและหลงใหลวัฒนธรรมความเป็นชุมชนของหมู่บ้านทั้ง 3 แห่งนี้แน่นอน และความงดงามนี้จะสร้างรายได้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ขณะที่ประเพณีและวัฒนธรรมของท้องถิ่นก็ไม่ได้ถูกเลือนหายไปแต่อย่างใด
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
- เอไอเอส จับมือ กสทช. ดูแลผู้พิการรอบด้าน ตอกย้ำดิจิทัลเป็นหัวใจการสร้างความเท่าเทียมแก่ทุกกลุ่ม...
- AIS จับมือ Gulf Binance จับเทรนด์สินทรัพย์ดิจิทัล มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า AIS รายเดือนเท่านั้นเปิด...
- ส่งล็อตแรก!่”กล้วยหอมทอง”โคราชส่งขายญี่ปุ่นแล้ว รมช.พาณิชย์สั่งทีมพาณิชย์เร่งดันส่งออกเพ...
- เซ็นทรัลโคราชคว้า 5 ดาวแห่งความยั่งยันด้านท่องเที่ยว Center of Life ศูนย์กลางการใช้ชีวิตได้อย่างบูรณ...
- นับถอยหลัง! งานมหกรรมกาแฟแห่งปี Esan Coffee Fair 2024ยกทัพร้านแบรนด์ดังมาเสิร์ฟชาวอีสาน...