6 May 2024


ภัยโซเชียล! ตร.ภาค3รวบหนุ่มใหญ่อ้างเป็น”เสธ.ทหาร”หลอกสาวเชิดรถหนี (ชมคลิป)

Post on: Feb 19, 2016
เปิดอ่าน: 2,906 ครั้ง

อ้างเป็นทหารหลอกเหยื่อผ่านโซเชียล-web3ตร.ภาค 3 รวบหนุ่มใหญ่อ้างตัวเป็นเสนาธิการฝ่ายข่าวกรองทหารลพบุรี หลอกเหยื่อสาวชาวศรีสะเกษผ่านโซเชียลมีเดียเชิดรถนต์ไปจำนำที่เชียงใหม่ ตำรวจตามตะบปตัวได้คาบ้านพักพร้อมสาวไปถึงนายทุนรับซื้อรถ แต่ไหวตัวทันทิ้งรถไว้ สอบประวัติพบเพิ่งพ้นคุกออกมาในคดีฉ้อโกงพร้อมพบหลอกเหยื่ออีกรายที่ร้อยเอ็ดว่าจะแต่งงานด้วย ด้านเหยื่อยอมรับเชื่อสนิทใจ เหตุมีรูปใส่ชุดทหารส่งมาให้ดูขอบคุณ ตร.ตามรถกลับคืนมาได้

อ้างเป็นทหารหลอกเหยื่อผ่านโซเชียล-web1    

เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (19 ก.พ.) ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.เฉลิม  สุวรรณรัตน์โอสถ ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 (ผบก.สส.ภ. 3) พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนฯ ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายวินัยหรือเหน่ง กรณ์ประสิทธิ์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 ม. 4 ต.ห้วยยางโพน อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี  (ไม่ได้นำตัวมาแถลง) ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ 71/2559 ลงวันที่ 14 ก.พ. 2559   พร้อมของกลางรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า แจ๊ส ทะเบียน 4 กฌ 9402กรุงเทพฯ จำนวน 1 คัน

อ้างเป็นทหารหลอกเหยื่อผ่านโซเชียล-web2

ทั้งนี้สืบเนื่องจากนายวินัยหรือเหน่ง ซึ่งแอบอ้างตนเองว่าเป็นนายทหารระดับเสนาธิการของชุดข่าวกรองทางทหารจังหวัดลพบุรี ได้ติดต่อทำความรู้จักเพื่อตีสนิทกับน.ส.เอ (นามสมมุติ)อายุ 42 ปี ชาว อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกา  ผ่านทางโซเชียลมีเดีย  โดยใช้แอพพลิเคชั่น Beetalk  และ Line เริ่มคุยกันประมาณเดือน พ.ย. 2558 ติดต่อกันเรื่อยมาและนายวินัยได้ส่งรูปภาพที่ใส่เครื่องแบบทหารมาให้ผู้เสียหายดู เพื่อทำให้หลงเชื่อ กระทั่งวันที่ 28 ม.ค. 2559 นายวินัย ได้นัดเจอกับ น.ส.เอ ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากนั้นได้พูดคุยใช้กลอุบายหลอกยืมรถยนต์เก๋งฮอนด้าแจ๊ส  สีบรอนด์ ของ น.ส.เอ ไปจากพื้นที่

อ้างเป็นทหารหลอกเหยื่อผ่านโซเชียล-web5

อ้างเป็นทหารหลอกเหยื่อผ่านโซเชียล-web6

ต่อมาชุดจับกุมได้สืบทราบว่า นายวินัย ผู้ต้องหามาพักอาศัยอยู่ที่บริเวณ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบพบผู้ต้องหายืนอยู่หน้าบ้านเลขที่ 14/13 ถ.ปิยะบุตร ต.บ้านหมี่ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริง จึงแสดงหมายจับและแจ้งข้อกล่าวหา ผุ้ต้องหารับสารภาพและยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหายจับจริง แต่ไม่พบรถยนต์ที่ลักมา จึงทำการขยายผลเพื่อตามหายรถยนต์ที่หายไป ซึ่งนายวินัย ให้การว่า ได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปจำนำกับนายบอย (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) เพื่อนของคนเคยรู้จัก เจ้าหน้าที่จึงให้นายวินัย ติดต่อนายบอยเพื่อสอบถามหารถ จนทราบว่า นายบอยอยู่ที่ ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งนายบอยไหวตัวทันได้นำรถมาจอบทิ้งไว้ที่บริเวณลานจอดรถ โรงพยาบาลเทพปัญญา อ.เมือง จ.นครราชสีมา และหลบหนี้ไป จึงประสานชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 เข้าตรวจสอบและพบรถยนต์ของกลางดังกล่าวจอดไว้จริงและทำการตรวจยึดนำส่งพนักงานสอบสวน และนำมามอบให้ผู้เสียหายต่อไป จากการสอบประวัตินายวินัย พบว่าเพิ่งพ้นโทษฉ้อโกงออกมาได้ไม่กี่เดือน และยังไปหลอกจะแต่งงานกับหญิงสาวที่จังหวัดร้อยเอ็ดอีก 1 รายด้วย

อ้างเป็นทหารหลอกเหยื่อผ่านโซเชียล-web4

ขณะที่ น.ส.เอ ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาดูรถยนต์ พร้อมตรวจสอบทรัพย์สินภายในรถ พบว่า พระเครื่องราคาแพงในรถหายไปทั้งหมด และรถมีรอยเฉียวชนด้านหน้า พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามรถกลับคืนมาได้ยอมรับว่าหลงเชื่อนายวินัยอย่างสนิทใจ เพราะเค้าพูดจาหว่านล้อมชักจูงเก่ง น่าเชื่อถือ แต่จากนี้ไปจะระมัดระวังมากขึ้น พร้อมกับฝากเตือนผู้ที่เล่นโซเชียลเน็ตเวอร์คให้ระมัดระวังด้วยอาจจะโดนหลอกเหมือนตัวเองได้