ตำรวจโคราชเร่งสอบคดีพระซุกซากสัตว์ป่า ด้านรองผู้ว่าฯ โคราชกำชับสำนักพุทธฯ ติดตามใกล้ชิด เผยหากพบผิดวินัยสงฆ์ต้องสึก เตรียมหารือมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำรอยชี้สำนักงานสงฆ์ส่วนใหญ่อยู่ในป่าง่ายต่อการทำเรื่องดังกล่าว
วันนี้ (29 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ชุดพญาเสือ และชุดเหยี่ยวดง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้นำกำลังตรวจค้นกุฏิสงฆ์ ในวัดแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลังจากได้รับแจ้งพบซากสัตว์ป่าหลายชนิด นำมาซุกซ่อนไว้ในตู้แช่ และพบซากสัตว์ป่าดังกล่าวกว่า 8 รายการ อาทิ หัวกระทิง อุ้งตีนหมี ขาเลียงผา เป็นต้น ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ห้ามล่า ห้ามมีไว้ครอบครองนั้นล่าสุดนายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะกำกับดูแลสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา สั่งให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จากรายงานของผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ทราบว่า ในส่วนของคณะสงฆ์มีระเบียบปฏิบัติในทางสงฆ์อยู่แล้วหากมีการทำผิดวินัยของสงฆ์และร้ายแรงที่สุดคือการให้สึก ซึ่งทางเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมาจะตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวควบคู่ไปด้วย แต่ทั้งนี้ก็จะรอการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาประกอบกัน หากมีความผิดบทลงโทษทางวินัยคือ การให้ลาสิขาบท เบื้องต้นทราบว่า เจ้าอาวาสรูปดังกล่าวได้ยื่นประกันตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่องไปแล้วด้วยเงิน 80,000 บาท และยังคงจำวัดอยู่ที่กุฏิภายในวัดดังกล่าว
ทั้งนี้ในช่วงบ่ายของวันนี้ ทางท่านเจ้าคณะจังหวัด และผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมาจะเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงจากท่านเจ้าอาวาสอีกครั้งหนึ่งและรายงานให้ทราบ ยอมรับว่า ในส่วนการดำเนินการทางวินัยสงฆ์นั้นต้องปล่อยให้ทางคณะสงฆ์ดำเนินการกันเอง ทางจังหวัดไม่สามารถก้าวล่วงคณะสงฆ์ได้แต่อย่างใด ทั้งนี้ทางจังหวัดได้กำชับให้ทางสำนักพุทธศาสนาจังหวัดเข้าไปติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด และหากผลการสอบสวนทางคดีจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาอย่างไร เชื่อว่าจะมีผลต่อการดำเนินการของทางคณะสงฆ์ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้อาจจะต้องมีการหารือกันอีกครั้งในเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากสำนักสงฆ์ และวัดส่วนใหญ่มักจะตั้งอยู่ในป่า อาจจะง่ายต่อการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้ และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีกก็จะต้องหามาตรการในการป้องปราม โดยเฉพาะเรื่องการกำชับวัดไม่ให้เป็นแหล่งซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมาย หรือใช้เป็นสถานที่ก่อเหตุที่ผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรมด้วย นายวิจิตร กล่าว
ด้านพ.ต.ท.อวยชัย พรหมวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เจ้าของคดี กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบปากคำพยานบุคคลไปแล้วจำนวน 2 ปาก โดยเมื่อคืนได้ควบคุมตัวเจ้าอาวาสทำการพิมพ์ลายนิ้วมือ และสอบปากคำเบื้องต้น พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา “ครอบครองซากสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562” มีโทษหนักจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเจ้าอาวาสให้การปฏิเสธและขอประกันตัวออกไป
อย่างไรก็ตามคดีนี้ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากนัก เพียงแต่มีผู้เกี่ยวข้องหลายหน่วย ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและดำเนินการให้รอบคอบ คาดว่าจะใช้เวลาในการสอบปากคำพยานแวดล้อมและรวบรวมพยานหลักฐานประมาณ 1 เดือน จึงจะสามารถสรุปสำนวนและส่งอัยการฟ้องจำนั้นอัยการจะมีความเห็นส่งฟ้องศาลต่อไป ซึ่งหากคดีไปถึงชั้นศาลเจ้าอาวาสก็ถือว่าเป็นผู้ต้องหาและจะต้องทำการสึกต่อไป ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและมีผู้เกี่ยวข้องหลายส่วน การกระทำดังกล่าวจะทำกันเป็นขบวนการหรือไม่ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ต้องทำการสอบสวนก่อนหากมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องและมีหลักฐานที่ชัดเจนก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงาน ส่วนการดำเนินการทางสงฆ์นั้นเป็นเรื่องของสงฆ์ไม่เกี่ยวกับการดำเนินการทางคดีอาญา ขณะนี้ทางเจ้าอาวาสก็ยังคงอยู่ที่วัด และจะต้องมารายงานตัวทุก 15 วันกับพนักงานสอบสวนแม้ว่าจะได้ประกันตัวไปก็ตาม