by

แรมโบ้อีสาน! โร่หอบหลักฐานร้องเรียน กกต.โคราช ระบุมีการไล่เก็บบัตร ปชช.ในพื้นที่โดยให้หัวละ 50-100 บาท ชี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎมาย ขอให้ยุบพรรคภูมิใจไทย

วันนี้ (3 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุภรณ์  อัตตถาวงศ์  หรือ แรมโบ้อีสาน ประธานชมรมคนรักแผ่นดินบ้านเกิด อดีต ส.ส.นครราชสีมาพรรคไทยรักไทย พร้อมด้วยประชาชนในพื้นที่ อ.เสิงสาง และ ครบุรีรวมกว่า 50 คน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือเปิดผนึกพร้อมหลักฐานร้องเรียนต่อนายศิริชัย  วิริยพงศ์ ผู้อำนวยงานสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา ถึงการกระทำที่ผิดกฎหมายเลือกตั้งและขอให้ยุบพรรคภูมิใจไทย

นายสุภรณ์  อัตถาวงศ์  ประธานชมรมคนรักแผ่นดินบ้านเกิด  กล่าวว่า  ตนเองได้รับร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ อ.เสิงสาง และ อ.ครบุรี ว่า นักธุรกิจเจ้าของโรงแป้งมันแห่งหนึ่งซึงเป็นว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคภูมิใจไทย ได้ฝ่าฝืนจงใจกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขัดคำสั่ง คสช. ห้ามดำเนินการเคลื่อนไหวหาเสียงทางการเมือง และจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยการเจตนากระทำผิดดังนี้คือ จ้าง อสม.เก็บบัตรประชาชนโดยให้ค่าตอบแทนใบละ 50-100 บาทโดยอ้างว่าจะนำไปสมัครสมาชิกพรรคและหลอกล่อให้ความหวังว่าจะมีค่าตอบแทนให้เจ้าของบัตรประชาชนภายหลัง และนำประชาชนในพื้นที่ไปเที่ยวต่างจังหวัด เพื่อหาเสียงให้กับตนเองและพรรคภูมิใจไทย โดยให้ อสม.ทุกหมู่บ้านเก็บบัตรประชาชนนำมาแลกเงินที่โรงงานแป้งมันและร้านอาหารแห่งหนี่ง ใน อ.ครบุรี โดยให้ภรรยา ชื่อเล่นขึ้นต้นด้วย ด.เป็นผู้จ่ายเงิน ทั้งสองคนได้กระทำการจ้างเก็บบัตรประชาชนทุกวันอย่างต่อเนื่องไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง การกระทำดังกล่าวถือว่าทำความผิดร้านแรงตาม พรบ.พรรคการเมืองและกฎหมายประกอบการเลือกตั้ง ถึงขั้นยุบพรรคภูมิใจไทยดังนั้นจึงขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งได้สอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวเพื่อลงโทษตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างพรรคการเมืองและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อีกต่อไป
นายศิริชัย  วิริยพงศ์ ผู้อำนวยงานสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา  กล่าวว่า  กรณีดังกล่าวจะส่งชุดสืบสวนของ กกต.ลงพื้นที่หาข่าว เพื่อสืบสวนหาข้อเท็จจริงตามที่ได้รับร้องเรียน พร้อมรายงานให้ กกต.กลางทราบ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าว ทาง กกต.ก็พอได้ยินข่าวมาบ้าง แต่ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่า การเก็บบัตรประชาชนของประชาชนในพื้นที่ไปนั้นใช้เพื่อการใด เนื่องจากช่วงนี้พรรคการเมืองใหม่หลายพรรคก็ลงพื้นที่ในการหาสมาชิกพรรค  จึงยังไม่ทราบชัดเจนว่า พฤติกรรมที่ได้รับร้องเรียนนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่ดีที่ได้รับข้อมูลจากทางนายสุภรณ์ ซี่งทาง กกต.จะเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ หลังมีการประกาศใช้กฎหมายเลือกตั้งอย่างชัดเจนจะกลับมาพิจารณาถึงเรื่องดังกล่าว ที่ผ่านมา กกต.กำชับและสั่งการมาตลอดให้มีการเกาะติดหาข่าวในพื้นที่อย่างรอบด้านเพื่อเก็บข้อมูลไว้ นายศิริชัย กล่าว