สภาอุตฯโคราช จัดแข่งขันกอล์ฟครั้งที่ 18 “FTI Korat Prestige Cup 2023” เชื่อมสัมพันธ์ภาครัฐ-เอกชนชิงถ้วยรางวัลชนะเลิศ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่สนามกอล์ฟ พานอราม่า กอล์ฟ แอนด์ คันทรี่ คลับอ.สีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา สภาอุตสาหกรรมโคราช ได้จัดการแข่งขันกีฬา กอล์ฟเชื่อมสัมพันธไมตรีครั้งที่18 หรือ FTI Korat Prestige Cup 2023 โดยมีตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วมการแข่งขันอย่างคึกคัก ซึ่งในสนามนี้มีเซอร์ไพร์ส สาวน้อยนักแข่ง 12 ปี จากโรงเรียนปลูกปัญญา ร่วมหวดวงสวิงพาทีมคว้าถ้วยชนะเลิศ
นางธิดารัตน์ รอดอนันต์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ได้เริ่มจัดการแข่งขันกีฬากอล์ฟเชื่อมสัมพันธไมตรี ครั้งแรกขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2542 หรือเมื่อ 24 ปีที่ผ่าน เพื่อเป็นการประสานความร่วมมือเชื่อมสัมพันธไมตรี ระหว่างสมาชิก ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และมีการจัดมาอย่างต่อเนื่องทุกปี กระทั่งเมื่อ 8 ปี ที่ผ่านมาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจกอร์ปกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด – 19 ทำให้มีการหยุดการแข่งขันไป แต่หลังจากทุกอย่างคลี่คลาย เริ่มมีสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจ คณะกรรมการของสภาฯ จึงมีมติให้กลับมาจัดการแข่งขันอีกครั้ง เพื่อให้บรรยากาศระหว่างภาคธุรกิจ ภาคเอกชนโรงงานอุตสาหกรรมกลับมาสมานฉันอีกครั้ง โดยในครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่ 18 แล้ว นอกจากโรงงานอุตสาหกรรม และ องค์กรภาคเอกชนแล้วยังได้เชิญหน่วยงานราชการในจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งสถาบันการศึกษา ในพื้นที่เข้ามาร่วมแข่งขันด้วย เช่นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และ โรงเรียนปลูกปัญญาซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี
“ต้องขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันทำให้การจัดการแข่งขันกอล์ฟเชื่อมสัมพันธไมตรีในครั้งนี้ บรรลุตามวัตถุประสงค์ โดยรายได้ในการจัดงานจะนำไปใช้ในการดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ ของสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมารวมทั้งใช้ในการจัดกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ต่อสมาชิกและสังคมต่อไป” นางธิดารัตน์ กล่าว
ด้าน ดร.เจษฎา พรมมา กรรมการสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ประธานจัดการแข่งขันในครั้งนี้ กล่าวว่า การแข่งขันกอล์ฟเชื่อมสัมพันธไมตรี ทีมที่ชนะเลิศได้รับถ้วยรางวัลของ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และถือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา จัดขึ้นเพื่อเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างองค์กรภาครัฐ องค์กรภาคเอกชนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนักธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างประเทศ อันจะส่งผลให้เกิดความร่วมมืออันดีต่อกันในการพัฒนาอุตสาหกรรมของจังหวัดให้เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
สำหรับผลการแข่งขัน รางวัลชนะเลิศถ้วย Overall Low Gross จากนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คือ นายอภิชัย สุมาลี จากทีม เค.ที.เอ็ม. สตีล และชนะเลิศประเภททีมคือ ทีมปลูกปัญญา โดยมีสมาชิกในทีมเป็นผู้หญิงถึง 3 คน คือนางสาวศิริพร หลวงแนม ,นางสาวศรันยาพร ลิมปิสวัสดิ์ , นายพงศ์ปณต จีนากูล , นายพัชธรณ์ ลิมปิสวัสดิ์ และด.ญ. พิชญพัตต์ สุรอารีย์กุล โดยในทีมนี้ มีสมาชิก ที่เป็นเยาวชนอายุ 12 ปี อยู่ร่วมทีมด้วย
“จึงถือได้ว่า การแข่งขันในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเชื่อมความร่วมมือทั้งภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐแล้วยังเป็นการส่งเสริมเยาวชนให้สนใจกีฬาชนิดนี้ ให้สามารถพัฒนาตนเองเพื่อก้าวสู่นักกอล์ฟอาชีพของไทยได้” ดร.เจษฎา กล่าวทิ้งท้าย
Waxy ปลูกแล้ว “รวย”!!! สงวนวงษ์ฯ ชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการปลูกมัน “Waxy” มันพันธุ์ใหม่
“Waxy” มันสำปะหลังสายพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตและคุณภาพสูง รู้ยังปลูกมันฯ แว็กซี่แล้วดียังไง?
มีตลาดรับซื้อแน่นอน โดยบริษัทสงวนวงษ์อุตสาหกรรรม รับซื้อหัวมันแว็กซี่ ที่โรงงานหรือจุดรับซื้อใกลับ้าน ราคาปรับซื้อสูงกว่ามันสำปะหลังทั่วไปถึง 50% ราคามีโอกาสสูงถึง 4.00 บาทต่อกิโลกรัม โดยคิดตามเปอร์เซ็นต์แป้ง และราคามันฯ ทั่วไปขณะนั้น
สิทธิประโยชน์และเงื่อนไขเข้าร่วมโครงการปลูกมัน “Waxy” กับบริษัทฯ
บริษัทฯ ให้ความช่วยเหลือ และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ด้านเทคนิดการปลูกการดูแล และเก็บเกี่ยวผลผลิตตลอดฤดูการปลูกของเกษตรกรเกษตรกรสามารถขอรับเปลือกดิน เพื่อนำกลับไปปรับปรุงดิน ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆการเก็บเกี่ยวผลผลิต ทางบริษัทฯ เป็นผู้กำหนดช่วงเวลาในการเก็บเกี่ยวผลิตผลทั้งหมดเกษตรกรจะได้รับท่อนพันธุ์ ฟรี! ภายใต้การควบคุมของบริษัทฯ **ต้นพันธุ์แว็กซี่ ถือเป็นสมบัติของมูลนิธิ ห้ามแจกจ่าย จำหน่าย หรือให้ผู้อื่นด้วยวิธีการใดๆ
มันสำปะหลัง waxy คืออะไร ?
“Waxy” มันสำปะหลังสายพันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตและคุณภาพสูง มันสำปะหลังแวกซี่ มีลักษณะแป้ง(ข้าว)เหนียว (waxy starch) ซึ่ง “ไม่มีแอมิโลส” เป็นองค์ประกอบ เป็นมันสำปะหลังอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีลักษณะพิเศษตัวแรกของโลก มีความใส ความหนืดมากกว่าสายพันธุ์ธรรมดาโดยมีเชื้อแป้งอยู่ที่ 22-23% ทำให้มีราคารับซื้อสูงกว่าพันธุ์ทั่วไป โดย แป้งมันสำปะหลังที่ไม่มีแอมิโลส มีความหนืดสูงสุดมากกว่าแป้งที่มีแอมิโลส มีคุณสมบัติการคืนตัวต่ำในระหว่างการเก็บที่อุณหภูมิต่ำ และเมื่อนำแป้งเปียกไปผ่านการแช่เยือกแข็งละลายพบว่าแป้งมันสำปะหลังที่ไม่มีแอมิโลสไม่ทำให้เกิดการแยกชั้นของน้ำกับแป้ง ซึ่งเหมาะสำหรับนําไปใช้ในอุตสาหกรรมเฉพาะที่ต้องการแป้งเปียกที่มีความคงตัวสูง เช่น อุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมผลิตกาว
แป้งมันสำปะหลังแว็กซี่สามารถนำไปใช้ทำอะไร❓
แป้งมันฯ แว็กซี่นั้น เหมาะกับกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารที่ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน เช่น อุตสาหกรรมอาหารแช่แข็งที่ต้องผ่านการแช่แข็ง-ละลายหลายครั้ง นอกจากนั้นยังนิยมใช้ในการทำแป้ง เส้น และขนมหวานต่างๆ ที่ต้องการเนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่ม มีความใส และไม่ส่งผลต่อรสชาติอาหาร
ตอบโจทย์เทรนด์อาหารจากธรรมชาติ (Clean Label)
ด้วยจุดเด่นของแป้งมันสำปะหลัง Waxy คือ เป็นแป้งที่ปลอดจากการตัดแต่งทางพันธุกรรม (Non-GMOs) ไม่ผ่านกระบวนการดัดแปรทางเคมี จึงสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเรื่องแนวคิดการบริโภคสิ่งที่มาจากธรรมชาติ ถ้านำไปผลิตอาหารก็ถือเป็นวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ 100%
อ้างอิง: มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย. อัศจรรย์มันสำปะหลัง.
(https://www.plastrans.com/wp-content/uploads/2020/08/Wonders-of-Tapioca-P001-204.compressed-f%C3%BCr-Website-komprimiert.pdf)
สนใจ ปลูกมันฯ Waxy
ติดต่อ บริษัท สงวนวงษ์อุตสาหกรรม จำกัด คุณกุ้ง 081-7347803 คุณวัฒน์ 093-5594386
บริษัท สงวนวงษ์อุตสาหกรรม จำกัด
120 หมู่ 4 ถ.ราชสีมา-โชคชัย ตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 30000
MV. เพลงแรกของหนุ่มน้อยผู้หลงใหลในเสียงเพลงและดนตรี “น้องต้นน้ำ”ปล่อย MV… เพลงแรก สำหรับหนุ่มน้อยคนนี้ “ต้นน้ำ” กับเพลง #ไม่ไหวบอกไหว ของพี่ Boy Peacemaker ศิลปินในดวงใจของน้องต้น้ำ ไปชมและไปฟังเพลงซึ้ง ๆ เพลงนี้ที่ถ่ายทอดโดยหนุ่มน้อยวัย 6 ขวบคนนี้ได้เลย #b-star music school #korat
กำลังมาแรง… ปล่อยมาอีก 1 เพลงกับหนุ่มน้อยคนนี้ “ต้นน้ำ” กับเพลง #คนสุดท้าย ที่ใส่อารมณ์เต็มที่ ไปฟังพร้อม ๆ กันตอนนี้เลย #b-star music school #korat
อีกก้าวของเส้นทางดนตรี “น้องต้นน้ำ” หนุ่มนักล่าฝันวันนี้มาจับไมค์ร้องเพลงให้ฟังกัน..
มาพบกับอีกหนึ่งความฝันบนเส้นทางดนตรี ของ “น้องต้นน้ำ” หนุ่มน้อยโคราชวัย 6 ขวบ เขายังคงมุ่งหน้าเดินตามฝันบนเส้นทางสายดนตรี วันนี้ จับไมค์มาร้องเพลงให้ FC ได้ฟังในฉบับของ ต้นน้ำ กับเพลง ถามเอาอะไร #อย่าลืมติดตามตอนต่อไป #ถามเอาอะไร
เดินทางมาถึง… part 3 ”ต้นน้ำ”เด็กน้อยวัย 5 ขวบบนเส้นทางนักเปียโนมือใหม่ ขอบคุณน้ำใจไมตรีที่ FC ที่คอยติดตามให้กำลังใจเด็กน้อยคนนี้ เค้ายังคงก้าวย่างอย่างมั่นใจ และใฝ่ที่จะเรียนรู้เพื่อการเดินทางไปตามความฝันของเขา สัปดาห์นี้ครูเกริก เพิ่มเติมวิชาอะไรบ้างไปดูกัน….
ยังคงเกาะติด…การเดินทางตามความฝันของหนูน้อยชาวโคราชวัย 5 ขวบ #บนเส้นทางสายดนตรี #นักเปียโนมือใหม่ ต้องขอบคุณน้ำใจแฟนคลับที่ยังคงติดตาม และถามหากัน นั่นเป็นพลังที่จะเติมฝันของเด็กหนุ่มคนนี้ให้ก้าวตามฝันอย่างมั่นใจ วันนี้เดินทางมาถึง #3 “ต้นน้ำ” #ณฐกร อินทัง ครูเกริกเติมความรู้เรื่องอะไรให้บ้าง ต้องไปติตดามชมกันในคลิปนะครับ #โรงเรียนดนตรียามาฮ่า ย่าโม จ.นครราชสีมา
โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ….
มาแล้วคร้าบ… part 2 เกาะติด…การเดินทางตามความฝันของ”ต้นน้ำ”เด็กน้อยวัย 5 ขวบบนเส้นทางนักเปียโนมือใหม่ สัปดาห์นี้เรียนรู้อะไรไปดูกัน….
ร่วมเกาะติด…การเดินทางตามความฝันของหนูน้อยชาวโคราชวัย 5 ขวบ #บนเส้นทางสายดนตรี #นักเปียโนมือใหม่ ขอกำลังใจแฟนคลับเติมพลังฝันของเด็กหนุ่มคนนี้ด้วยนะคร้าบ วันนี้มาถึง # 2 “ต้นน้ำ” #ณฐกร อินทัง ยังไปได้สวย แม้ว่าสัปดาห์นี้จะหยุดไปหนึ่งวีค เพราะเวลาของครูกับลูกศิษย์ไม่ตรงกัน มาสัปดาห์นีเริ่มมีอาการอิดออดบ้าง แต่ก็ยังทำได้ดี @โรงเรียนดนตรียามาฮ่า ย่าโม จ.นครราชสีมา สำหรับ #2 มาร่วมเรียนรู้ตัวโน๊ตเปียโนกันครับ
(โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ)
เกาะติด…การเดินทางตามความฝันของ”ต้นน้ำ”เด็กน้อยวัย 5 ขวบบนเส้นทางสายดนตรี นักเปียโนมือใหม่
ร่วมเกาะติด…การเดินทางตามความฝันของหนูน้อยชาวโคราชวัย 5 ขวบ #บนเส้นทางสายดนตรี นักเปียโนมือใหม่ มาเอาใจช่วยกันว่า…#ต้นน้ำ# ณฐกร อินทัง จะไปถึงฝั่งฝันของเค้าได้หรือไม่.. @โรงเรียนดนตรียามาฮ่า ย่าโม จ.นครราชสีมา วันแรกได้เรียนรู้อะไรบ้างไปดูกัน #1
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ขี้โกงมีหนาว! “แสงซินโครตรอน” เทคโนโลยีสุดล้ำพิสูจน์วัตถุโบราณ “บ้านเชียง” อายุ 3,500 ปี ปลอมหรือจริงได้แม่นยำ
นักวิจัยไทยใช้เทคโนโลยี “แสงซินโครตรอน” พิสูจน์วัตถุโบราณ เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง มรดกโลก อายุกว่า 3,500 ปี ของปลอมหรือจริงได้อย่างแม่นยำ เผยใช้เทคนิคการเรืองรังสีเอกซ์ ร่วมกับเทคนิคดูดกลืนรังสีเอกซ์วิเคราะห์ องค์ประกอบทางเคมีของเนื้อดินและสี นำไปสู่วิธีการแยกแยะเครื่องปั้นดินเผาของแท้หรือทำเทียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.ประพงษ์ คล้ายสุบรรณ์ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เปิดเผยว่า “ปัจจุบันได้มีการนำแสงซินโครตรอนมาใช้ในการวิจัยด้านโบราณคดีอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป เนื่องจากเทคนิคการทดลองที่ใช้แสงซินโครตรอนสามารถบอกให้รู้ถึงองค์ประกอบและโครงสร้างของวัตถุได้โดยไม่ทำลายชิ้นงานให้เสียหายหรือมีผลอื่นใดต่อวัตถุที่นำมาศึกษา ทำให้เหมาะที่จะนำแสงซินโครตรอนไปใช้ในการศึกษาวัตถุโบราณหรือวัตถุที่มีคุณค่าและมูลค่าสูงอื่น ๆ ได้ สำหรับประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้มีการนำแสงซินโครตรอนมาใช้ในการศึกษาด้านโบราณคดีเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ
ที่ผ่านมาสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ได้ทำการศึกษาคุณสมบัติของกระจกเกรียบโบราณด้วยแสงซินโครตรอน ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งได้ทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้คณะวิจัยของสถาบันนำตัวอย่างกระจกเกรียบโบราณจากวัดพระศรีรัตนศาสดารามมาดำเนินการศึกษา เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีว่า กระจกแต่ละสีประกอบด้วยธาตุชนิดใดบ้าง และมีปริมาณเท่าไร จนประสบความสำเร็จสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัยมาสังเคราะห์กระจกใหม่ที่มีคุณสมบัติเหมือนของเดิมทุกประการ เพื่อใช้สำหรับงานบูรณปฏิสังขรณ์ในอนาคต”
ดร.ประพงษ์ กล่าวต่อว่า “ล่าสุดทีมงานนักวิจัย ได้ทำการศึกษาวิจัยเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งบ้านเชียงเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญแห่งหนึ่งที่ให้ความรู้อย่างมาก เกี่ยวกับพัฒนาการของสังคมและวัฒนธรรมสมัยโบราณเมื่อหลายพันปีมาแล้วในประเทศไทย สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังบ้านเชียงก็คือ เรื่องราวอันเกี่ยวกับอดีตของพื้นที่นี้ โดยเฉพาะเรื่องสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งมีการจัดแสดงไว้เป็นพิพิธภัณฑสถาน 2 แห่ง คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง และพิพิธภัณฑสถานกลางแจ้งที่วัดโพธิ์ศรีใน เมื่อประมาณ พ.ศ.2515 ได้เริ่มมีการสังเกตพบโบราณวัตถุและหลักฐานทางโบราณคดีในพื้นที่เนินของหมู่บ้านและส่งผลให้มีการศึกษาทางโบราณคดี จนได้ทราบว่าความจริงแล้วพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของบ้านเชียงปัจจุบัน เคยมีคนตั้งถิ่นฐานมาแล้วก่อนประวัติศาสตร์เมื่อหลายพันปีก่อน โบราณวัตถุที่พบ ได้แก่ เศษภาชนะดินเผาที่มีการตกแต่งเขียนเป็นลายสีแดง โครงกระดูก เครื่องมือที่ทำด้วยหินและสำริด และเหล็ก โดยเฉพาะภาชนะดินเผาเขียนเป็นลายสีแดงนั้นเป็นโบราณวัตถุที่มีลักษณะเด่นมากเนื่องจากเพิ่งมีการพบเป็นครั้งแรกในประเทศไทย”
สำหรับแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงเป็นแหล่งโบราณคดีที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยและของโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี พ.ศ. 2535 เนื่องจากพบหลักฐานที่แสดงถึงอารยธรรมชุมชนโบราณซึ่งเป็นชุมชนเกษตรกรรมที่มีการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ในยุคโลหะที่มีอายุกว่า 3,500 ปี มีหลักฐานที่บ่งบอกถึงการมีวัฒนธรรม ขนบประเพณี และภูมิปัญญาในหลาย ๆ ด้าน ในแหล่งโบราณคดีนี้นักโบราณคดีได้ขุดค้นพบหลุมศพของชาวบ้านเชียงโบราณซึ่งมีประเพณีฝังศพที่จะทำการฝังสิ่งของเครื่องใช้ เป็นการอุทิศให้กับผู้ตายด้วย ภายในหลุมศพเหล่านี้จึงพบเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำจากสำริดและเหล็ก เช่น ใบหอก ใบขวาน มีด เครื่องประดับลูกปัดที่ทำจากหินและแก้ว เศษผ้า และที่สำคัญคือภาชนะเครื่องปั้นดินเผาโบราณที่มีการเขียนสีเป็นลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์ จนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในนาม “เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง”
“ทั้งนี้เนื่องจากเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงมีความงดงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงเป็นที่ต้องการของผู้ที่สนใจและนักสะสม ทำให้เกิดการทำเทียมเลียนแบบขึ้นเป็นจำนวนมาก การทำเทียมเหล่านี้ได้มีการพัฒนาเทคนิคจนสามารถทำให้ดูเหมือนของแท้ รวมไปถึงการทำให้ดูเหมือนเก่าด้วย ซึ่งการพิสูจน์ความเป็นของแท้นั้นทำได้ยากและต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์อย่างมากเท่านั้น
ดังนั้นกรมศิลปากร ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ศึกษาวิจัยคุณสมบัติของเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงด้วยแสงซินโครตรอน ทั้งในส่วนของเนื้อดินและสีที่เขียนเป็นลวดลาย เพื่อนำไปแยกแยะความแตกต่างระหว่างเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงของแท้และของที่ทำเลียนแบบขึ้นมา และได้มาซึ่งองค์ความรู้ในการพิสูจน์ความเป็นของแท้ของเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงโดยใช้เทคนิคการเรืองรังสีเอกซ์ ร่วมกับเทคนิคการดูดกลืนรังสีเอกซ์ในการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของเนื้อดินและสี นำไปสู่การพัฒนาวิธีการแยกแยะเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงของแท้และของทำเทียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ดร.ประพงษ์กล่าวในตอนท้าย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
สุดมหัศจรรย์ ! ซินโครตรอนวิจัยพบ “เห็ดเยื่อไผ่” คุณประโยชน์อื้อ นักวิจัยไทยเร่งต่อยอดผลิตอาหารเสริม-เวชสำอาง
นักวิจัยไทยสุดยอด ใช้เทคโนโลยีแสงซินโครตรอน วิจัยพบ “เห็ดเยื่อไผ่” สุดมหัศจรรย์! อุดมไปด้วยสาร มีคุณประโยชน์สูงทุกส่วนประกอบ ทั้งสารต้านอนุมูลอิสระยับยั้งมะเร็ง ป้องกันโรคสมองเสื่อม มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ลดริ้วรอย และเร่งผลิตเซลล์ผิวใหม่ อีกทั้งพบสารสำคัญที่สามารถนำมาผลิตยาโด๊ปขนานเอกได้ เผยเร่งต่อยอดงานวิจัยผลิตอาหารเสริมและเวชสำอาง พร้อมส่งเสริมเกษตรกรเพาะเห็ดเยื่อไผ่ คาด 1 ปี คนไทยได้ใช้แน่
ดร.วรวิกัลยา เกียรติ์พงษ์ลาภ นักวิทยาศาสตร์ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า “สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) ร่วมกับสาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตรและสิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จ.นครราชสีมา มี ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา หัวหน้าโครงการวิจัยต้นแบบการผลิตเห็ดเยื่อไผ่ในสวนไผ่ครบวงจร ภายใต้ทุนสนับสนุนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้ทำการศึกษาองค์ประกอบและสารสำคัญของเห็ดเยื่อไผ่สายพันธุ์กระโปรงยาวสีขาว เพื่อนำความรู้จากงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ด้านต่างๆ ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เห็ดเยื่อไผ่ หรือ เห็ดร่างแห (Dictyophora indusiata) เป็นที่นิยมบริโภคในประเทศจีนมานาน เนื่องจากเชื่อว่ามีสรรพคุณทางยามากมาย เช่น บำรุงร่างกาย บำรุงสมอง และลดความดัน เป็นต้น ซึ่งประเทศจีนเป็นประเทศที่มีการวิจัยพัฒนาเห็ดเยื่อไผ่มาเป็นเวลาหลายสิบปีจนสามารถผลิตเป็นการค้าได้เพียงประเทศเดียวในโลก เห็ดเยื่อไผ่นี้สามารถเติบโตได้เช่นกันในพื้นที่เขตร้อนชื้น เช่น เขตป่าไม้ไผ่ในประเทศไทย ซึ่งพบ มีอยู่ 4 สายพันธุ์ ได้แก่ เห็ดเยื่อไผ่กระโปรงยาว เห็ดเยื่อไผ่กระโปรงสั้น เห็ดเยื่อไผ่สีชมพู และเห็ดเยื่อไผ่สีส้ม อย่างไรก็ตามเห็ดนี้ยังพบตามธรรมชาติได้น้อย ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการศึกษาวิจัยการเพาะปลูกรวมถึงสรรพคุณของเห็ดเยื่อไผ่ เพื่อให้ผู้บริโภคและนักวิจัยได้เข้าใจถึงเห็ดเยื่อไผ่มากขึ้น โดยมีรายงานว่าคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณทางทางยาของเห็ดเยื่อไผ่นี้ขึ้นกับสายพันธุ์ และจากสรรพคุณทางยาและความนิยมบริโภคที่มากขึ้นทำให้เห็ดเยื่อไผ่กลายเป็นเห็ดเศรษฐกิจอีกชนิดที่ได้กำลังรับความสนใจเพาะเลี้ยงในปัจจุบัน”
ดร. วรวิกัลยา กล่าวอีกว่า “ทีมงานของ ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา ประสบความสำเร็จในหาวิธีการเพาะปลูกเห็ดเยื่อไผ่สายพันธุ์จีนกระโปรงยาวสีขาวรวมถึงวิธีการเก็บรักษาและการดูแลหลังการเก็บเกี่ยว อีกทั้งได้ทำงานวิจัยร่วมกับทีมงานนักวิจัยของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559 โดยเก็บตัวอย่างเห็ดเยื่อไผ่แบบตูมมาจากแปลงวิจัยในเขตพื้นที่จังหวัดสระแก้วและนครราชสีมาเพื่อทำการศึกษาองค์ประกอบและสารสำคัญของเห็ดเยื่อไผ่ ในห้องปฏิบัติการแสงสยาม
สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน พบว่า เห็ดเยื่อไผ่ชนิดนี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยมีโปรตีนร้อยละ 20 ไขมันร้อยละ 4-5 คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 40-50 กรดอะมิโนมากกว่า 14 ชนิด และวิตามินอีกหลายชนิด ซึ่งเห็ดเยื่อไผ่นี้มีโปรตีนสูงกว่าเห็ดอื่นๆ เช่น เห็ดโคนมีโปรตีนร้อยละ 4.2 เห็ดฟางร้อยละ 3.4 เห็ดหอมสดร้อยละ 2.2 และเห็ดหูหนูร้อยละ 1.4 เป็นต้น ซึ่งเหมาะกับการนำมาบริโภคเป็นโปรตีนที่ทดแทนเนื้อสัตว์ได้ดังกล่าว นอกจากคุณค่าทางโภชนาการ ในแต่ละส่วนของเห็ดเยื่อไผ่ยังมีสารสำคัญและฤทธิ์ทางชีวภาพที่แตกต่างกันไปโดยในส่วนปลอกหุ้มดอกและหมวกดอกจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) อยู่ในปริมาณสูง สามารถป้องกันหรือชะลอการเกิดกระบวนการออกซิเดชั่นได้หลายรูปแบบ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังได้อย่างหลากหลาย เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคสมอง เป็นต้น ส่วนเมือกหุ้มดอกเห็ด มีลักษณะเป็นเจลเข้มข้นที่อุดมไปด้วยกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) และอัลลันโทอิน (Allantoin) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ลดการระคายเคืองของผิว เพิ่มความชุ่มชื้นฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และยังพบกรดกลูโคนิค (Gluconic Acid) ที่สามารถเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่ชั้นผิวหนังกำพร้า จะเสริมการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น นุ่มนวล มีความยืดหยุ่นดี ลดริ้วรอยและช่วยเติมเต็มผิวที่หย่อนคล้อยโดยสารอัลลันโทอินจากเห็ดเยื่อไผ่นี้เป็นสารชนิดเดียวกับที่พบในเมือกหอยทาก แต่จะมีความบริสุทธิ์และสามารถเก็บเกี่ยวได้ง่ายกว่า ส่วนลำต้นและกระโปรงนั้น อุดมไปด้วยสารพอลิแซคคาไรด์พวกเบต้ากลูแคน (β-glucan) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน ทั้งกระตุ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้นในส่วนลำต้นนี้ยังพบสารดิกทิโอฟอรีน เอ และบี (Dictyophorines A and B) ซึ่งเป็นสารที่พบยากมากในสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ยับยั้งมะเร็ง และ ยังเป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาท และป้องกันโรคสมองเสื่อมนอกจากนั้นสปอร์เชื้อรา สีน้ำตาลเขียวขี้ม้า ที่มีกลิ่นค่อนข้างเหม็น ทีมวิจัย พบว่า มีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) อยู่ในปริมาณสูงและพบสารสำคัญที่สามารถนำไปทำยาโด๊ปได้”
ผศ.ดร.นิภาพร อามัสสา กล่าวเสริมตอนท้ายว่า “จากการศึกษาดังกล่าวจะเห็นได้ว่า เห็ดเยื่อไผ่สายพันธุ์จีนกระโปรงยาวสีขาวนี้อุดมไปด้วยสารสำคัญมากมายเหมาะสำหรับการนำไปเป็นวัตถุดิบเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ทั้งในวงการอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม และรวมถึงวงการผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่สามารถพัฒนาให้มีคุณสมบัติทัดเทียมกับเยื่อเมือกหอยทาก ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเห็ดเยื่อไผ่อีกด้วย โดยประโยชน์ดังกล่าวสอดรับกับกระแสรักษ์โลกและรักสุขภาพที่กำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางทั่วโลก”
“ทีมงานจะต่อยอดงานวิจัยดังกล่าว ให้สามารถใช้ประโยชน์จากเห็ดได้อย่างแท้จริง โดยขณะนี้ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้เพาะเลี้ยงเห็ดเยื้อไผ่เพื่อเป็นต้นแบบไว้เป็นจำนวนมาก และเตรียมสร้างเครือข่ายเกษตรกรผู้เพาะปลูกเห็ดเยื่อไผ่แห่งประเทศไทย และนำเสนอต่อ “ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์” ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ที่จะทำแปลงเพาะปลูกเห็ดเยื่อไผ่ให้มีผลผลิตสูง เพื่อรองรับการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเสริม และรวมถึงเวชสำอาง ที่นักวิจัยกำลังทดลอง คาดว่า อีก 1 ปีจะมีผลิตภัณฑ์จากเห็ดเยื่อไผ่ โดยทีมนักวิจัยนี้แน่นอน” ผศ.ดร.นิภาพร กล่าว